วันนี้ (27 ต.ค.2560) นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยภายหลังจากสอบถามข้อมูลจากนายธานินทร์ เนื่องทศเทศ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานปทุมธานีว่า แม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ จ.ปทุมธานี รองรับน้ำมาจากจุดระบายน้ำบางไทรใน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งขณะนี้ระบายประมาณ 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แม้ว่าจะมากกว่าเขื่อนเจ้าพระยาใน จ.ชัยนาท ซึ่งระบายน้ำที่ระดับ 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อยู่ประมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ไม่มีนัยสำคัญที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมใน จ.ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
ส่วนปัจจัยเสี่ยงจากน้ำท่วมมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.น้ำฝน ซึ่งชลประทานฯ ระบุว่าตอนนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าฝนน้อยแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อสถานการณ์น้ำใน จ.ปทุมธานี, 2.น้ำเหนือ น้ำที่มาจาก จ.นครสวรรค์ เมื่อมาถึง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จะมีน้ำน้อยลง ส่งผลให้มีการระบายลดลงต่อเนื่อง จึงไม่ส่งผลกระทบเช่นกัน และ 3. น้ำหนุน คาดว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบมากที่สุด ซึ่งน้ำหนุนจากแม่น้ำเจ้าพระยาในเดือน พ.ย.จะมี 3 ครั้ง คือตั้งแต่วันที่ 3-4 พ.ย., กลางเดือน พ.ย. และวันที่ 23-25 พ.ย. ซึ่งปลายเดือน พ.ย.จะหนุนสูงสุด และทำให้มีระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพิ่มอีกประมาณ 20 เซนติเมตร
ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย ซึ่งระบุว่าจะมีการปล่อยน้ำหลังจากวันที่ 26 ต.ค.นี้ว่า ผู้อำนวยการโครงการชลประทานปทุมธานียืนยันไม่เป็นความจริง และจะเสนออธิบดีกรมชลประทาน ฟ้องร้องเอาผิดกับผู้ที่ปล่อยข่าวตามความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ปทุมธานี พบว่าส่วนใหญ่เป็นพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ ซึ่งน้ำท่วมขังมานานเป็นเดือนแล้ว ขณะที่การใช้ชีวิตของชาวบ้านหลายคนยังต้องใช้เรือพาย เพื่อเดินทางเข้าออกระหว่างบ้านกับปากซอย ซึ่งบางพื้นที่โดยเฉพาะใน อ.เมือง และ อ.สามโคก ต้องใช้เรือพายมากกว่า 600 เมตร