วันนี้ (6 พ.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบหลักการแนวทางการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายและร่างระเบียบต่างๆ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้ทันกำหนดการลอยตัวราคาน้ำตาลทรายในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ โดยการคำนวณราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานจะอ้างอิงราคาน้ำตาลทรายขาวตลาดลอนดอนนัมเบอร์ไฟว์ บวกราคาไทยพรีเมียม ซึ่งพิจารณาราคาเฉลี่ยเป็นรายเดือน ในเบื้องต้นคาดว่าการลอยตัวจะส่งผลให้ราคาขายปลีกลดลง 2-3 บาทต่อกิโลกรัม
ในปัจจุบัน ราคาน้ำตาลทรายจะมีการเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย 5 บาทต่อกิโลกรัม แต่ตามหลักการเปิดเสรีจะต้องตัดส่วนนี้ออกไป ดังนั้น เมื่อคำนวณราคาตามสูตรลอนดอนนัมเบอร์ไฟว์ บวกไทยพรีเมียม ราคาหน้าโรงงานจะอยู่ที่ 13.50-14.50 บาทต่อกิโลกรัม
โดยการขายจริงของโรงงานนั้นจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งปกติจะสูงกว่าและจะนำราคาส่วนต่างนำส่งเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อสะสมไว้ดูแลระบบ ประเมินว่าจะได้ประมาณ 3 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาขายปลีกปลายทางที่กระทรวงพาณิชย์ดูแล จะพิจารณาตามต้นทุนค่าบรรจุภัณฑ์ การตลาด ขนส่ง เฉลี่ยอยู่ที่ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้น ตามสูตรนี้คาดว่าราคาขายปลีกน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เฉลี่ยจะอยู่ที่ 20.50-21 บาทต่อกิโลกรัม หรือลดลง 2-3 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับส่วนที่ต้องยกเลิกปริมาณการจัดสรรน้ำตาลทั้งหมดในส่วนโควตา ก. สำหรับบริโภคภายในประเทศนั้น ได้ประมาณการปริมาณน้ำตาลทรายและปริมาณสำรองให้เพียงพอ จึงให้โรงงานสำรองน้ำตาลทรายเตรียมการตามปริมาณบัฟเฟอร์สต็อกที่กำหนด และให้โรงงานจำหน่ายน้ำตาลตามความต้องการของตลาดภายในประเทศ ซึ่งเบื้องต้นคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้ประมาณการปริมาณน้ำตาลสำหรับบริโภคภายในประเทศฤดูการผลิตปี 2560/2561 ไว้ที่ 26 ล้านกระสอบ เพื่อจัดสรรตัวเลขน้ำตาลตามความรับผิดชอบของโรงงาน โดยไม่มีงวดจำหน่ายเหมือนในปัจจุบัน