วันนี้ (7 พ.ย.2560) ข้อมูลจากพาราไดซ์ เปเปอร์ส เปิดเผยวิธีการที่บริษัทแอปเปิลหลบเลี่ยงการเสียภาษี ด้วยการหาแหล่งหลบภาษีบนเกาะเจอร์ซี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณช่องแคบอังกฤษ หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปลงมติว่า การที่ไอร์แลนด์ให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่บริษัทแอปเปิล มูลค่า 1.3 หมื่นล้านยูโร หรือประมาณ 500,000 ล้านบาทนั้น ผิดกฎหมายเมื่อปี 2556
บริษัทแอปเปิลออกมาแก้ต่างว่า บริษัทยังคงเป็นผู้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ บริษัทแอปเปิลเคยอาศัยช่องโหว่ในกฎหมายภาษีของสหรัฐอเมริกาและไอร์แลนด์ โอนย้ายรายได้จากการขายในสหรัฐอเมริกา คิดเป็นร้อยละ 55 ของรายได้ทั้งหมด ไปยังสำนักงานสาขาในไอร์แลนด์ที่ไม่ได้ระบุสัญชาติ เพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีโดยเฉพาะ
นอกจากบริษัทผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิลแล้ว สมเด็จพระราชนินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา ก็เข้าไปมีส่วนพัวพันกับพาราไดซ์ เปเปอร์สด้วย
"พาราไดซ์ เปเปอร์" กระทบบุคคลสำคัญของโลก
พาราไดซ์ เปเปอร์ส แสดงให้เห็นว่า ดัชชี ออฟ แลงคาสเตอร์ หรือ สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ ได้นำพระราชทรัพย์จำนวน 10 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 450 ล้านบาท ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ไปลงทุนบนเกาะเคย์แมนและเกาะเบอร์มิวดา
สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังยืนยันว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ไม่ทรงทราบว่ามีการนำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ไปลงทุนในต่างประเทศ
นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี ว่า ตัวเขาเองไม่มีความสัมพันธ์หรือรู้จักกับบุตรเขยของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเป็นการส่วนตัว พร้อมทั้งยืนยันว่า บริษัทซีเบอร์ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซียไม่เคยถูกสหรัฐอเมริกาควํ่าบาตร คำให้สัมภาษณ์ของนายรอสส์สวนทางกับข้อมูลจากพาราไดซ์
เปเปอร์ส ที่เปิดเผยว่า ในแต่ละปีนายรอสส์ได้รับผลประโยชน์ในบริษัทขนส่งสินค้า ซึ่งมีรายได้มูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการขนส่งนํ้ามันและแก๊สให้กับบริษัทซีเบอร์ ซึ่งบุตรเขยของผู้นำรัสเซียเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งของบริษัทดังกล่าวด้วย