วันนี้ (9 พ.ย.2560) นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ซึ่งเกิดฝนตกหนักว่ากรมชลประทานได้สั่งการให้มีการเดินเครื่องสูบน้ำคู่ขนานกันไป และเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด
ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ฝนยังตกในระดับปกติ
ทั้งนี้ ได้เตรียมการพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำสำคัญ 3 แห่ง ไว้เพื่อรอรับฝนที่จะตกเหนืออ่างฯ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำสะเดา อ่างเก็บน้ำคลองหลา และอ่างเก็บน้ำจำไหล ซึ่งจะสามารถรองรับน้ำรวมกันได้ประมาณ 32 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายสมเกียรติ กล่าวว่าสำหรับพื้นที่สำคัญที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กรมชลฯได้เตรียมความพร้อม ด้วยการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ วัชพืชทางน้ำ ภายในคลองอู่ตะเภา และคลองภูมินาถดำริ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือระบายน้ำไม่ให้เข้าท่วมตัวเมืองหาดใหญ่
พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ไว้ทุกบริเวณที่เคยท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะในที่ลุ่มที่เชื่อมกับคลองภูมินาถดำริ และได้เข้าติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ บริเวณประตูระบายน้ำบางหยีที่ปลายคลองภูมินาถดำริ ไว้คอยดันน้ำให้ออกสู่ทะเลสาบสงขลาเร็วยิ่งขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ทุกจุด หากมีดีเปรสชั่นเข้าหรือฝนตกหนักสามารถเดินเครื่องทำงานได้ทันที
ส่วนที่จังหวัดพัทลุง ตรัง และสตูล ได้ส่งเครื่องจักร เครื่องมือ ไว้ที่ชลประทานแต่ละจังหวัด โดยได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 56 เครื่อง ในพื้นที่ที่มีจุดเสี่ยง พร้อมจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่จำนวน 35 เครื่อง หากพื้นที่ไหนได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม สามารถส่งเครื่องจักรเครื่องมือเข้าพื้นที่ประสบภัยได้ภายใน 2 ชั่วโมง
พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นจังหวัดอยู่ติดทะเล สามารถระบายน้ำออกได้เร็วจึงหมดห่วงเรื่องน้ำท่วมขัง อย่างไรก็ตาม ได้เตรียมเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และรถแบ็คโฮ ไว้พร้อมเข้าพื้นที่ประสบภัยภายใน 2 ชั่วโมงด้วยเช่นกัน