จากการสำรวจตลาดอาคารชุดพักอาศัย หรือคอนโดมิเนียม ใจกลางเมืองและตามเเนวรถไฟฟ้า ในโครงการที่สร้างเสร็จในระยะ 6 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี พบว่ามีกว่า 268 โครงการ หรือกว่า 117,250 หน่วย ขายได้แล้วกว่าร้อยละ 91 หรือ 107,096 หน่วย ซึ่งสะท้อนว่าไม่กระทบกับนักพัฒนาที่ดิน หรือไม่เกิดปัญหาคอนโดมิเนียมล้นตลาด เพราะในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 61 มีผู้เข้าอยู่แล้วกว่า 71,864 หน่วย ชี้ว่ามีการครอบครองเเล้วภาวะตลาดยังดีพอสมควร ขณะที่ส่วนใหญ่ผู้ซื้ออยู่อาศัยเอง บางส่วนอาศัยโดยผู้เช่า สะท้อนว่ายังมีภาวะเก็งกำไรต่ำ
อย่างไรก็ตาม นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหารศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ระบุว่า ในปี 2560 มีจำนวนคอนโดมิเนียมสร้างใหม่ปริมาณมากที่สุดในรอบ 23 ปี โดยขณะนี้มีบางโครงการสามารถขายได้ในเวลา 1 วัน ซึ่งเห็นสัญญาณว่าอาจเป็นนักเก็งกำไรที่ต้องการรอขาย หรือรอปล่อยเช่า ดังนั้นหากปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ได้ในระยะ 1-2 ปีนี้
ดังนั้น เสนอว่ารัฐควรมีการคุ้มครองเงินดาวน์ของผู้ซื้อห้องชุด ตามกฎหมาย พ.ร.บ.การดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ.2551 หรือ แอ็คโครแอ็คเค้าน์ เพื่อความมั่นใจของตลาด ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขายและสถาบันการเงิน ควบคุมการเปิดโครงการใหม่ ไม่ปล่อยให้สร้างกันมากเกินไป รวมทั้งตรวจสอบราคาขายและกำไร ซึ่งนายโสภณ ยังระบุอีกว่าช่วงเวลานี้หากดูจากจำนวนหน่วยคอนโดมิเนียม ราคาและอัตราดอกเบี้ย ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสม