วันนี้ (18 พ.ย.2560) เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกบัตรสวัสดิการ และหยุดนโยบายอุ้มคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ร่ำรวยอยู่แล้ว และหยุดแยกคนจนออกจากคนจน แต่ต้องจัดระบบรัฐสวัสดิการแบบถ้วนหน้า เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนจนคนรวย รวมถึง จะต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยจัดสวัสดิการถ้วนหน้าให้กับประชาชน แทนที่จะเน้นแต่นโยบาย 4.0 เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเดียว
น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ระบุว่า บัตรผู้มีรายได้น้อยยังมีปัญหาเรื่องการลงทะเบียน ที่ไม่สามารถคัดกรองด้านรายได้ สะท้อนจากคนจำนวนหนึ่งที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 30,000 บาท แต่กลับไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อย
ส่วนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ใช้มาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศ มองว่าทำให้รัฐสูญเสียรายได้กว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อจ้างแรงงาน 55,000 คนทำงาน แต่ไม่สามารถแก้ความยากจนได้ และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพราะรายได้กระจุกเฉพาะกับคนรวย ทำให้ไทยไม่หลุดจากรายได้ปานกลางได้ ดังนั้น ช่วง 3 ปีที่ทำรัฐประหารทำให้คนจนเพิ่มขึ้น
“ต้องการให้ยกเลิกบัตรสวัสดิการคนจน แต่ต้องแก้ปัญหาคนจนด้วยการจัดสวัสดิการแบบถ้วนหน้า ไม่ใช่จัดเฉพาะคนจน เพราะว่าบัตรสวัสดิการคนจนมีปัญหาว่าการลงทะเบียนหาคนจนทั้งหมดไม่เจอจริงๆ เพราะคนจนไม่ได้อยู่กับที่ วันนี้จน พรุ่งนี้จน และจะมีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่เรียกว่าเฉียดจน ที่จะไม่ได้รับการลงทะเบียน แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาป่วยหรือเขาเป็นผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับเบี้ยยังชีพ เขาจะกลายเป็นคนจนทันที” น.ส.สุรีรัตน์ กล่าว
เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ยังเสนอว่ารัฐบาลควรจะหันมาให้ความช่วยเหลือกลุ่ม Start up ไทยให้มากขึ้น เพื่อให้ไม่รัฐสูญเสียเม็ดเงินภาษี
ขณะที่ตัวแทนเครือข่ายแรงงานนอกระบบ และตัวแทนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพเสนอว่า รัฐบาลควรจัดบำนาญขั้นพื้นฐาน เพิ่มค่าจ้าง และมีสวัสดิการแบบเท่าเทียมทุกกลุ่ม โดยข้อเสนอทั้งหมดทางเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ จะจัดทำรายงานเสนอต่อสหประชาติ หรือ UN และจะเสนอต่อพรรคการเมืองที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป