แม้เวลาจะผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว แต่ภายในบ้านของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตอย่างมีข้อสงสัย ยังอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากสมัยที่เขายังมีชีวิต
นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาของนายภคพงศ์ กล่าวว่า เรายังคงเก็บข้าวของเครื่องใช้ไว้ในตำแหน่งเดิม มีเพียงนาฬิกาลายพรางเรือนโปรดเท่านั้น ที่มารดาของเขานำมาสวมติดตัวเพื่อคลายความคิดถึง
ตอนนี้เข้าบ้านจะรู้สึกแย่มาก ยิ่งเห็นโต๊ะออกกำลังกายของเขา เห็นดัมเบล เห็นเชือกกระโดด เห็นนวมต่อยมวย เห็นกีตาร์ ถ้าเกิดเราตายได้ ณ ตอนนั้น ก็อยากตามเขาไปเหมือนกัน
เปิด "บันทึก" น้องเมย
สมุดบันทึกเล่มเล็กที่นายภคพงศ์ จดบันทึกเรื่องราวภายในรั้วโรงเรียนเตรียมทหาร ด้วยข้อความสั้นๆ เพียง 3 หน้า เป็นสิ่งเดียวที่ผู้เสียชีวิต บอกเล่าถึงความเป็นไปในสถานศึกษา เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าแม่จะเค้นถามอย่างหนักเพียงใด จะได้รับเพียงคำตอบเดียวคือ เป็นความลับทางราชการ
ตอนนี้เราต้องการรู้ความจริงว่า หลังจากที่ส่งน้องเข้าโรงเรียนวันอาทิตย์ 10 โมงครึ่ง น้องเจออะไรบ้าง เอาตั้งแต่วันนั้นวันที่ถึงรั้วโรงเรียนแล้ว เกิดอะไรขึ้นคนทางบ้านไม่มีสิทธิรับรู้เลย เราต้องการรู้ความจริงว่า น้องโดนอะไร
ยันลูกชายสุขภาพแข็งแรง –ขอสาเหตุเสียชีวิตที่แท้จริง
นายภคพงศ์ เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว และมีความตั้งใจมาตั้งแต่เด็ก ว่าโตขึ้นจะเป็นทหาร และทุ่มเทเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารนานถึง 3 ปี จึงสามารถสอบเข้าเรียนได้ และกลายเป็นความหวังว่าในอนาคตอันใกล้เขาจะเป็นเสาหลักให้ครอบครัว
แต่เพียง 5 เดือนหลังจากเข้าเรียนในสถานศึกษาที่คาดหวัง นายภคพงศ์ ก็เสียชีวิต โดยผลชันสูตรศพระบุว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาของนายภคพงศ์ ระบุเป็นเรื่องยากที่พ่อแม่จะทำใจให้ยอมรับ เพราะตลอดระยะเวลา 18 ปี บุตรชายมีสุขภาพแข็งแรง และก่อนเสียชีวิตไม่นานยังฝึกมวยอย่างหนัก หากสุขภาพไม่ดีจริงคงไม่สามารถทำได้
จากปากลูกชายผมนะ เขาถูกทำโทษในห้องน้ำของนายทหาร เวลาประมาณ 22.00 น. ซึ่งเมื่อเวลา 20.00 น. ก็โดนลงโทษไปรอบหนึ่งแล้ว รุ่นพี่คนนั้นถามว่าได้อ่านหนังสือหรือยัง เขาบอกว่ายัง ถ้ายังไปอ่านหนังสือก่อน เดี๋ยวจะกลับมาแดกใหม่ ผมขออนุญาตใช้คำนี้ เพราะว่าเด็กในโรงเรียนคำว่าธำรงวินัยคือคำว่าแดก
พ่อและแม่ของนายภคพงศ์ ยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการเรียกร้องสิ่งอื่นใด นอกจากอยากทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพราะนายภคพงศ์ คือลูกชายเพียงคนเดียว ซึ่งผู้ที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดคือผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร เพราะเหตุเกิดขึ้นภายในสถานศึกษาในความรับผิดชอบ