วันนี้( 7 ธ.ค.2560 ) เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าเกิดประท้วงของชาวปาเลสไตน์ ในเขตเวสต์แบงค์ ผู้ประท้วงด้วยการจุดไฟเผายางรถยนต์ และขว้างก้อนหินใส่กองกำลังทหารอิสราเอลที่ตรึงกำลังอยู่ โดยจุดที่ประท้วงรุนแรงคือ Ramallah ในเขตเวสต์แบงค์
การประท้วง กลุ่มผู้ประท้วงไม่พอใจที่ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศรับรองเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากที่เวสต์แบงค์แล้ว ยังมีการชุมนุมประท้วงที่ด้านหน้าสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกีด้วย กลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกันบริเวณสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงอังการา และสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาประจำนครอิสตันบูล พร้อมทั้งเผากระดาษที่มีรูปธงชาติอิสรา เอลด้วยความโกรธแค้น
เหตุประท้วงครั้งนี้เริ่มก่อตัวขึ้น ราว 18 ชั่วโมงหลังจากทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา รับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ สร้างความสั่นสะเทือนเสถียรภาพในภูมิภาคตะวัน ออกกลาง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาประเทศ
การตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ ของผู้นำสหรัฐอเมริกาเป็นการล้มนโยบายต่ออิสราเอล ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มานานหลายทศวรรษ เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกระเทือนต่อกระบวนการสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
ขณะเดียวกันทรัมป์ ก็ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลส ไตน์เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นไปได้ยากมากทีเดียว
ขณะที่มาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ บอกว่า การตัดสินใจของทรัมป์เป็นการขัดขวางความพยายามในการสร้างสันติภาพและแสดงให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกาถอนตัวจากบทบาทของการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ตลอดวันที่ผ่านมา ผู้นำประเทศในโลกมุสลิม รวมไปถึงประธานาธิบดีโจโค วีโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก รวมไปถึงมวลชนชาวมุสลิมจากหลายประเทศ ต่างแสดงความไม่พอใจต่อการตัดสินใจของผู้นำสหรัฐอเมริกา