วันนี้ (5 ม.ค.2561) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้โดยสารจำนวนมากตกค้างอยู่ในสนามบินหลายแห่งทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา หลังพายุหิมะพัดถล่ม
เว็บไซต์ติดตามการบิน ไฟลท์ อะแวร์ ระบุว่า ขณะนี้มีเที่ยวบินทั่วประเทศถูกยกเลิกไปแล้วประมาณ 5,000 เที่ยวบิน ในจำนวนนี้เที่ยวบินมากกว่า 2 ใน 3 เป็นเที่ยวบินที่บินเข้าและออกจากสนามบินในมหานครนิวยอร์กและเมืองบอสตัน
ขณะที่สนามบินเจเอฟเคที่นิวยอร์ก ต้องระงับการบินชั่วคราวเนื่องจากมีกระแสลมแรงและมีหิมะปกคลุม ซึ่งการท่าอากาศยานนิวยอร์กและนิว เจอร์ซีย์ ประกาศว่า จะกลับมาทำการบินได้อีกครั้งในวันนี้ ในเวลา 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของฝั่งตะวันออก
นายบิลล์ เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก ประกาศภาวะฉุกเฉิน รับมือสภาพอากาศเลวร้ายจากพายุฤดูหนาวที่มีความรุนแรงผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้มีหิมะตกหนักปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ ตั้งแต่รัฐนอร์ท แคโรไลนา ไปจนถึงรัฐเมน ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าพายุฤดูหนาวจะส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องไปจนถึงช่วงสุดสัปดาห์นี้
และมีรายงานว่าประชากรประมาณ 60 ล้านคน อยู่ในเส้นทางที่พายุฤดูหนาวเคลื่อนผ่าน รวมทั้งคาดว่ากระแสลมจากอิทธิพลของพายุจะมีความรุนแรงเทียบเท่าพายุเฮอร์ริเคน
นายมาร์ตี้ วอล์ช นายกเทศมนตรีเมืองบอสตัน ประกาศปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนต่างๆ ของบอสตัน หลังจากพยากรณ์อากาศ ระบุว่า อาจมีหิมะตกสะสมหนาถึง 46 เซนติเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่เกรงว่าผิวถนนจะกลายเป็นน้ำแข็งจากหิมะที่สะสมประกอบกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้พายุหิมะยังทำให้สัตว์ต่างๆ ทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็นด้วย รวมทั้ง กิ้งก่าอิกัวน่าในรัฐฟลอริดาของสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับความหนาวจัดจนตัวแข็งและตกลงมาจากต้นไม้ หลังอุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส
เช่นเดียวกับฝูงจิ้งจอกแดงและจิ้งจอกเทาซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ที่ต้องรวมตัวกันหลบภัยหนาวในรัฐนิวยอร์ก ท่ามกลางพายุหิมะรุนแรงกว่าปกติที่พัดเข้าถล่มในพื้นที่ ซึ่งภาพนี้ได้มาจากกล้องวงจรปิดสำหรับสังเกตการณ์สัตว์ป่าที่เจ้าหน้าที่ติดตั้งเอาไว้
ขณะที่แพนด้าแดงในสวนสัตว์เทรเวอร์ในนิวยอร์กกลับไม่สะทกสะท้านกับอากาศที่หนาวรุนแรง ยังคงเดินไปมาและกินอาหารได้ตามปกติ แม้ในระหว่างที่พายุหิมะกำลังพัดถล่มพื้นที่ทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกาอย่างรุนแรงก็ตาม