วันนี้ (17 ม.ค.2561) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แถลงยืนยัน น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ หลุดข้อหาเกี่ยวข้องขบวนการโรแมนซ์สแกมสวมบัตรประชาชนหลอกผู้เสียหายโอนเงิน ไทยพีบีเอสออนไลน์จึงได้รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากณิชาได้ประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ แม้จะเกิดกระแสสังคมสงสัยว่า แท้จริงแล้วเธอเป็นแพะหรือแกะ ?
8 ม.ค.2561 หลังจาก น.ส.ณิชา ถูกขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดตาก 3 วัน 2 คืน ทนายความและญาติก็ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 จังหวัดนครสวรรค์อีกครั้ง ซึ่งศาลอุทธรณ์ฯ อนุญาตให้ประกันตัว ในวงเงิน 80,000 บาท และมารายงานตัวที่ศาลตากทุก 6 วันจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ
10 ม.ค.2561 ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในธนาคารทุกแห่ง
12 ม.ค.2561 ตำรวจพบเบอร์โทรศัพท์ 4 เบอร์ที่ถูกเปิดใช้งาน โดยบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา
13 ม.ค.2561 ตำรวจเข้าจับกุม น.ส.ปวีณา สิงห์วิบูลย์ ผู้สวมบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา ไปเปิดบัญชีธนาคาร ที่ได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดของธนาคาร พร้อมซัดทอดถึง นายอายัค ไซมอน ชาวไนจีเรีย เป็นผู้จ้างวานให้เปิดบัญชี 5 บัญชี ให้ค่าจ้างบัญชีละ 2,000 บาท แต่สุดท้ายจ่ายเงินแค่เพียง 4,000 บาท
หลังจากสอบขยายผลเพิ่มเติมพบหลักฐานกล้องวงจรปิด เปิดภาพชายผิวสี เข้ากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มในบัญชีที่ใช้บัตรประชาชนของน.ส.ณิชา เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2560 พร้อมสาวไทยคนสนิท คือ น.ส.พรหมพร พงษ์เจริญคุณากร
ในวันเดียวกัน ตำรวจได้เข้าจับกุม น.ส.เจรติ สายสิน ซึ่งเป็นผู้ที่นำบัตรประชาชน น.ส.ณิชาไปเปิดบัญชี 3 บัญชี และเป็นผู้เปิดเบอร์โทรศัพท์โดยใช้บัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา โดยทั้งปวีณาและเจรติถูกตั้งข้อหาในคดีร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม
14 ม.ค.2561 มีการเปิดหลักฐานว่า น.ส.ณิชาทำบัตรประชาชนถึง 4 ครั้ง โดยครั้งแรก เริ่มทำครั้งแรกวันที่ 28 ธ.ค.2551 ต่อมาขอทำใหม่ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2557 หลังจากนั้น น.ส.ณิชา ขอทำบัตรใหม่ครั้งที่ 3 เนื่องจากบัตรหายในวันที่ 18 ก.ย.2560 และครั้งที่ 4 ทำเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2560 ด้วยเหตุผลบัตรหาย จนทำให้ผู้คนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าน.ส.ณิชา ทำบัตรประชาชนหายบ่อยเกินไปจนผิดปกติหรือไม่ รวมถึงมีรายงานว่าน้องชายของน.ส.ณิชาได้ติดต่อผ่านทางเฟซบุ๊กกับนายอายัค ไซมอน
อีกประเด็น คือ มีการพบข้อมูลว่าน.ส.ณิชา มีบัญชีธนาคารถึง 4 บัญชี โดย 1 ใน 4 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีถึง 6,000,000 บาท และมีรายงานว่า น.ส.ณิชา มีการติดต่อกับน.ส.ปวีณาผ่านทางโทรศัพท์อีกด้วย
ในช่วงบ่ายของวันที่ 14 ม.ค. ตำรวจจึงได้สอบปากคำ น.ส.ณิชา แม่ และน้องชายของน.ส.ณิชาเพิ่มเติม โดยใช้เวลาให้ปากคำนานกว่า 12 ชั่วโมง หลังจากให้ปากคำเสร็จ เวลา 03.00 น. น.ส.ณิชา ไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ตอบเพียงว่า “ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีแล้ว” จึงทำให้ผู้คนยิ่งเริ่มสงสัยว่า น.ส.ณิชา อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งของนายไซมอนหรือไม่
15 ม.ค.2561 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสวนพลู จับกุมนายอายัค ไซมอน พร้อมของกลางเป็นเสื้อผ้าและแว่นตาที่ใส่ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มจากบัญชีของน.ส.ณิชา หลังจากสอบสวนพบว่า มีพฤติการณ์เป็นแก๊งโรแมนซ์สแกม ไม่ใช่แก๊งคอลเซนเตอร์ โดยแก๊งโรแมนซ์สแกมมีลักษณะการหลอกเหยื่อโดยไม่ได้ใช้โทรศัพท์ แต่ใช้ความเชื่อใจ ความใกล้ชิด สร้างความสัมพันธ์โดยการพูดคุยผ่านเฟซบุ๊กโดยอ้างตัวว่าเป็นทหารอเมริกา หรือดารานักแสดง จนทำให้เหยื่อหลงเชื่อและเกิดเป็นความรักจนยอมโอนเงินให้
ขณะที่ตำรวจติดตามตัว น.ส.พรหมพร พบว่า ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว ในคดีฉ้อโกงทรัพย์และถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำแห่งหนึ่ง
16 ม.ค.2561 น.ส.ณิชาและแม่ เปิดเผยว่า ยืนยันว่าทำบัตรประชาชนหายทั้งหมด 3 ครั้ง แล้วถูกขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี รวมทั้งนำไปลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์ 4 หมายเลข ส่วนเงินในบัญชีกว่า 600,000 บาท เป็นเงินของครอบครัวที่ได้มาจากการทำธุรกิจ เงินอยู่ในบัญชีตั้งแต่อายุ 18 ปี เฉลี่ยแล้วเป็นเงินหมุนเวียนในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา เดือนละ 100,000 บาท ซึ่งปัจจุบันมีเงินเหลืออยู่ไม่มาก
17 ม.ค.2561 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ยืนยัน น.ส.ณิชา ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งโรแมนซ์สแกมสวมบัตรประชาชนเปิดบัญชี แต่น.ส.ณิชา ยังคงเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงและต้องรายงานตัวต่อศาลจังหวัดตากอีก 5 ครั้ง รวมทั้งยังเป็นผู้เสียหายที่ถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี และไม่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด
โดยในวันที่ 23 ม.ค.2561 นี้จะเดินทางไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยจะนำหลักฐานทุกอย่างที่ตนเอง ได้ รวบรวมไว้ ไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่