ตำรวจไซเบอร์ ขยายผลแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีน ไปพบนักการเมืองท้องถิ่น ตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และครอบครัว มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะนี้ตำรวจขอศาลออกหมายจับ แล้ว 7 คน ตามจับได้แล้ว 4 คน ซึ่งเมื่อช่วงเช้าได้นำกำลังเข้าตรวจค้น 7 จุด
ตำรวจไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติ จับผู้ต้องหาต่างชาติ ตั้งแก๊งหลอกผู้เสียหายให้ลงทุนผ่านแพลตฟอร์มสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี อ้างได้กำไรสูง จนท.สามารถยึดอายัดทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำผิดกว่า 250 ล้านบาท
กรมบัญชีกลาง ยืนยันไม่ได้ปล่อยข้อมูลรั่วไหล หลังถูกร้องทำข้อมูลข้าราชการตำรวจ ทหาร หลุดถึงแก๊งคอลเซนเตอร์ พาไปวิเคราะห์ช่องโหว่การกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของหน่วยงาน ภาครัฐ ที่มักพบว่าถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ประโยชน์หลอกลวงประชาชนว่า ทำไมจึงเกิดการรั่วไหลของข้อมูลและแนวทางการป้องกันว่าควรทำอย่างไร พูดคุยกับ โกเมน พิบูลย์โรจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
กสทช. ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปปง.เดินหน้า ระงับซิมผีกว่า 1 ล้านเบอร์ ควบคู่การเร่งจัดระเบียบ Mobile Banking เพื่อปราบปราม ยับยั้งภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและแก๊ง CALL CENTER ที่คุกคามประชาชน ติดตามชมรายการสถานีประชาชน ย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/program/People/episodes/103027
ภายหลังภาครัฐของไทยออกมาตรการปราบปรามบัญชีม้า กำหนดให้ต้องสแกนหน้าเมื่อมียอดโอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาทต่อครั้งถึง 200,000 บาทต่อวันนั้น ปรากฏว่าแก๊งคอลเซนเตอร์ก็ปรับตัว ใช้วิธีจ้างคนไทยเปิดบัญชีม้า แล้วให้ไปนั่งสแกนหน้าที่กัมพูชา เรียกตำแหน่งนี้ว่า “ม้าสแกนหน้า” ทีมข่าวได้พบกับเยาวชนอายุ 17 ปี เจ้าของบัญชีม้า 7 บัญชี เขาถูกสถานีตำรวจภูธรบางกรวย ออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหาบัญชีม้า ขณะเดียวกันเขายังเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และได้รับความช่วยเหลือกลับมาจากกัมพูชา กลางเดือนมิถุนายน เยาวชนอายุ 17 ปี บอกว่า หลงเชื่อนายหน้า ตระเวนเปิดบัญชีม้าในกรุงเทพฯ ก่อนมีคนนำพาลักลอบข้ามไปฝั่งปอยเปต หน้าที่เดียวของเจ้าของบัญชีม้า คือ คอยยื่นหน้าให้คนที่ถูกเรียกว่า “บอสชาวจีน” ใช้โทรศัพท์สแกนใบหน้า ทุกครั้งที่มียอดโอนสูงเกินกว่าที่กฎหมายไทยกำหนด หลังจากทำงานราว 1 สัปดาห์ ทุกบัญชีของเขาถูกอายัด ทำให้ถูกขายต่อ ถูกบังคับทำงานคอลเซนเตอร์กลุ่มอื่น ๆ ในเมืองปอยเปต
ทนายความใน จ.ราชบุรี ที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ใช้กลอุบาย หลอกเอาเงินออกจากบัญชีจนหมดตัวกว่า 1.1 ล้านบาท ยื่นคำขาดให้เวลา 2 สัปดาห์ หากธนาคารไม่รับผิดชอบจะมาฆ่าตัวตายที่หน้าธนาคาร ซึ่งวานนี้ (18 มิ.ย. 67) ครบ 2 สัปดาห์ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับ กรมศุลกากร ปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดเครื่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากดาวเทียม หรือ STARLINK , ซิมการ์ด และจุดตั้ง Sim box เตรียมถูกลักลอบส่งให้ประเทศเพื่อนบ้าน ใช้เป็นฐานหลอกประชาชนทั่วโลก ถือว่าเป็นการตัดตอนกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ครั้งใหญ่ เพื่อเป็นการยกระดับเตือนภัยออนไลน์ ทาง CIB ได้สร้าง Contents ทั้งเพจ คลิป และการจัดรายการสด CIB ทราบแล้วเปลี่ยน เพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์อีกดัวย ติดตามชมรายการสถานีประชาชนย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/program/People/episodes/102083