ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ออกหมายจับ "ทักษิณ" คดีเอื้อประโยชน์ชินคอร์ป หลังไม่ปรากฏตัวในศาล

การเมือง
6 มี.ค. 61
10:47
847
Logo Thai PBS
ออกหมายจับ "ทักษิณ" คดีเอื้อประโยชน์ชินคอร์ป หลังไม่ปรากฏตัวในศาล
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ออกหมายจับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังไม่ปรากฏตัวในศาลในคดีเปลี่ยนแปลงสัมปทานรัฐ เอื้อประโยชน์ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น พร้อมนัดคู่ความตรวจพยานหลักฐานวันที่ 10 ก.ค.นี้ เวลา 9.30 น.

วันนี้ (6 มี.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกนั่งบัลลังก์ อ่านกระบวนการพิจารณานัดแรกในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทาน เข้าไปมีส่วนได้เสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตนหรือผู้อื่น กรณีเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กว่า 1,419 ล้านหุ้น ซึ่งถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทซึ่งรับสัมปทานจากรัฐ และใช้อำนาจสั่งการให้มีการเปลี่ยนแปลงค่าสัมปทานในกิจการโทรคมนาคม ให้เป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อประโยชน์แก่ธุรกิจบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลทำให้รัฐเสียหายรวมมูลค่ากว่า 66,000 ล้านบาท

โดยในวันนี้ ฝ่ายโจทก์คืออัยการได้มาศาลตามนัด ขณะที่ฝ่ายจำเลย ไม่ได้หมายศาลและไม่ได้ส่งตัวแทนมาร่วมรับฟังการพิจารณา ศาลเห็นว่าจำเลยได้รับทราบหนังสือนัดหมายการพิจารณาวันนี้แล้ว และการไม่มาถือว่าเป็นการให้การปฏิเสธ ศาลจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลย และมอบหมายให้โจทก์เป็นผู้ติดตามตัวจำเลย ประกอบกับให้รายงานศาลทุก 1 เดือน ทั้งนี้ ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานคู่ความในวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 เวลา 9.30 น.

สำหรับคดีนี้ อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และมีการนัดพิจารณาคดีนัดแรก เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2551 แต่ขณะนั้นนายทักษิณ ซึ่งเป็นจำเลย ไม่มาปรากฏตัวในศาล จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยและจำหน่ายคดีออกจากสาระบบความชั่วคราว แต่ภายหลังที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 บังคับใช้ โดยระบุไว้ในมาตรา 28 ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีโดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลยได้ อัยการสูงสุดจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอีกครั้งให้มีคำสั่งยกเลิกจำหน่ายคดีความชั่วคราวและให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไปโดยไม่ต้องกระทำการต่อหน้าจำเลย

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง