วันนี้ (8 มี.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียก 10 หน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง ธปท. ก.ล.ต. และคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อหารือเรื่องการออกฎหมาย เพื่อควบคุมเงินดิจิทัลและคริปโต เคอเรนซี่ เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.)
นายวิษณุ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะเข้าไปควบคุมและกำกับดูแลในเรื่องของสกุลเงินดิจิทัลและคริปโต เคอเรนซี่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย โดยจะใช้กฎหมายปกติในการป้องกัน แต่จะไม่ใช้อำนาจมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งแนวโน้มของกฎหมายปกติที่จะออกมาและที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในขณะนี้ คือการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แต่ยังไม่สามารถที่จะระบุได้ชัดเจนว่าจะออกมาได้เมื่อไหร่ เพราะต้องดูให้มีความรอบคอบก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้มีหน่วยงานที่ทำร่างกฎหมายมาเสนอให้พิจารณาแล้ว แต่ยังเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ จึงให้ไปปรับปรุงเพื่อมานำเสนออีกครั้ง
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายในเดือนนี้ออกกฎหมายควบคุมเงินดิจิทัลอย่างแน่นอน แต่จะออกมาในรูปของพระราชกำหนดหรือรูปแบบใดยังไม่ชัดเจน เพราะจะต้องดูว่าการออกกฎหมายแบบไหนจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด ซึ่งทั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ต้องตามเรื่องเหล่านี้ให้ทัน ซึ่งกรณีที่เกิดปัญหากับเงินดิจิทัลในประเทศญี่ปุ่น ล่าสุด มีเงินสูญไปกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 15,000 ล้านบาท ทางญี่ปุ่นก็มีการเข้าไปควบคุมอย่างหนัก ซึ่งกรณีของไทยก็เช่นกัน ถ้าหากเห็นเรื่องใดมีความเสี่ยงก็ต้องเข้าไปควบคุม ไม่ได้ห้ามเพื่อป้องกันคนที่ไม่รู้เรื่องเข้าไปเกี่ยวข้อง
ขณะที่ในวันนี้ ก.ล.ต.จะประชุมคณะกรรมการบริหาร ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะกำหนดหลักเกณฑ์การควบคุมการระดมทุน หรือทำไอซีโอ โดยกฎเกณฑ์ดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การดูแลนักลงทุนรายย่อย ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะเป็นลักษณะของการจำกัดวงเงินในการลงทุนของผู้ลงทุนแต่ละราย