วันนี้ (9 เม.ย.2561) นายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ จำกัด กล่าวว่า ตามที่ผู้ประกอบการโทรคมนาคมผู้ได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz ได้ยื่นหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอพิจารณาผ่อนผันการชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz งวดที่ 4 ในปี 2563 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายออกไปเป็น 7 งวด และยกเว้นการเรียกเก็บดอกเบี้ยจากการผ่อนผันชำระเงินดังกล่าวด้วย ตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ซึ่ง คสช. ได้ส่งให้ กสทช. พิจารณาเหตุผลและความจำเป็นต่ออุตสาหกรรมอย่างรอบด้าน และกสทช. ได้พิจารณาเสนอกลับไปยัง คสช. ให้ขยายออกไปเพียง 5 งวด พร้อมให้ชำระดอกเบี้ยนโยบายซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยกลางที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ประมาณ ร้อยละ 1.5 ) นั้น นับว่าเป็นข้อเสนอมาตรการผ่อนผันที่เพียงพอที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการโทรคมนาคม เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอล ที่ได้รับการพิจารณามาตรการผ่อนผันการชำระเงินประมูลทีวีดิจิตอลเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2559
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการทั้ง 2 อุตสาหกรรมเป็นผู้ที่ได้ใบอนุญาตจากการประมูลคลื่นความถี่จาก กสทช. เช่นเดียวกัน จึงควรได้รับการพิจารณาในหลักการเดียวกัน โดยการยื่นขอพิจารณาการผ่อนผันการชำระค่างวดเงินประมูลงวดที่ 4 ทางบริษัทฯ ขอชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นการขอลดจำนวนเงินค่าประมูลคลื่นความถี่ที่ต้องชำระให้แก่ภาครัฐแต่อย่างใด แต่เป็นการขอความช่วยเหลือเพื่อขยายจำนวนงวดชำระงวดสุดท้ายเท่านั้น และบริษัทฯ พร้อมที่จะชำระดอกเบี้ยตามที่รัฐได้กำหนดขึ้น ซึ่งไม่ได้ทำให้รัฐและประชาชนเสียประโยชน์แต่อย่างใด
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ กสทช.กำหนดไว้เดิม โดยได้มีหลักประกันธนาคารให้แก่ กสทช. ครบถ้วนตามมูลค่าคลื่นที่ต้องชำระ ดังนั้นการแบ่งชำระของบริษัทฯ จึงไม่ได้เป็นการผิดนัดการชำระ จนต้องคำนวนเป็นอัตราดอกเบี้ยค่าปรับ (ร้อยละ 15) หรือทำให้รัฐเสียประโยชน์จากการผิดนัด
อย่างไรก็ตาม หาก คสช. มีข้อสรุปไม่ให้ขยายระยะเวลาการชำระค่างวดเงินประมูลคลื่นความถี่ บริษัทฯ ก็เคารพในการตัดสินใจของ คสช. แต่หาก คสช. มีข้อสรุปให้ผ่อนผันการชำระหนี้พร้อมเงื่อนไขจ่ายดอกเบี้ยให้กับรัฐด้วยนั้น จะส่งผลให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมมีเงินที่สามารถนำไปขยายโครงข่ายและเพิ่มความถี่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้ ยังเป็นการสอดรับและสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการพัฒนาประเทศในอนาคตต่อไป
ดีแทคเรียกร้อง กสทช.ทบทวนแนวทางประมูลคลื่น 1800 MHz
ขณะที่นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กรและพัฒนาธุรกิจ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ได้ยื่นจดหมายข้อเสนอพร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นต่อการประมูล 1800 MHz แก่ กสทช. เรียกร้องให้พิจารณาทบทวนกฎเกณฑ์การประมูลเดิม เพื่อประโยชน์สูงสุดของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ผู้บริโภค และร่วมผลักดันนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมีประเด็นที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
1.ราคาขั้นต่ำของการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่
บริษัทฯ ขอยืนยันความเห็นเดิมว่าไม่ควรกำหนดราคาขั้นต่ำของการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ (ราคาขั้นต่ำ) โดยอิงกับราคาชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz เมื่อปี 2558 เนื่องจากเป็นราคาคลื่นที่ผู้เข้าร่วมการประมูลรายหนึ่งที่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ทั้งย่าน 1800 MHz และย่าน 900 MHz ครั้งที่ผ่านมา ไล่ราคาจนสูงผิดปกติแล้วในที่สุดชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz แต่ไม่สามารถที่จะชำระเงินค่าประมูลคลื่นได้ และการกำหนดราคาขั้นต่ำที่สูงเกินไป จะมีความเป็นไปได้สูงมากที่ผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ในคราวนี้จะประสบปัญหาด้านการเงินดังเช่นที่เกิดขึ้นแล้วกับผู้ชนะการประมูลคลื่น 900 MHz ในคราวก่อน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความเห็นว่ารัฐบาลหรือหน่วยงานกำกับดูแลไม่ควรกำหนดราคาขั้นต่ำไว้สูงมากในระดับที่จะทำให้ไม่สามารถประมูลคลื่นได้ทั้งหมด ส่งผลให้คลื่นไม่ถูกนำมาใช้งานอย่างเต็มที่ ราคาคลื่นในปัจจุบันจึงควรกำหนดให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำคลื่นไปใช้ได้มากขึ้นเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการและสังคมโดยรวม มีตัวอย่างของประเทศที่นำราคาชนะการประมูลครั้งก่อนมากำหนดเป็นราคาขั้นต่ำในครั้งต่อไป คือ ประเทศอินเดีย และประเทศบังคลาเทศ ทำให้การประมูลล้มเหลวไม่สามารถประมูลคลื่นความถี่ได้ ซึ่งสามารถใช้เป็นกรณีศึกษาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความผิดพลาดเช่นเดียวกันนี้ในประเทศไทย
2.ขนาดของคลื่นความถี่ที่จะให้อนุญาต
บริษัทฯ มีความเห็นว่าการกำหนดขนาดคลื่นความถี่จำนวน 3 ชุดคลื่นความถี่ ชุดละ 2x15 MHz ไม่เหมาะสมในทางปฏิบัติ เนื่องจากความต้องการใช้คลื่นความถี่ของผู้เข้าร่วมการประมูลแต่ละรายมีไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณคลื่นความถี่และย่านความถี่ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ความพร้อมทางการเงินและแผนการให้บริการ การกำหนดใบอนุญาตขนาด 2x15 MHz จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะมีคลื่นความถี่เหลือจากการประมูลเป็นจำนวนมาก ในขณะที่การกำหนดใบอนุญาตเป็น 9 ชุดคลื่นความถี่ ชุดละ 2x5 MHz นั้น จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประมูลแต่ละรายสามารถเลือกประมูลคลื่นความถี่ตามความต้องการของตนได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่ (หากมี) พิจารณาการเข้าลงทุนแข่งขันในการให้บริการเนื่องจากไม่ถูกบังคับให้ประมูลคลื่นความถี่ในขนาด 2x15 MHz ที่อาจสูงเกินความจำเป็นในระยะแรก และเนื่องจากพัฒนาการของเทคโนโลยีไร้สายในปัจจุบันออกแบบมาใช้กับคลื่นความถี่ขนาด 2x5 MHz เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ประเทศต่างๆ จึงกำหนดขนาดคลื่นความถี่ชุดละ 2x5 MHz ในการประมูลครั้งล่าสุด เช่น มาเลเซีย เมียนมาร์ บังคลาเทศ ออสเตรเลีย สาธารณรัฐเยอรมนี และ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
3.ข้อกำหนดกรณีผู้เข้าประมูลมีจำนวนเท่ากับหรือน้อยกว่าจำนวนใบอนุญาต
บริษัทฯ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเงื่อนไขการนำคลื่นออกประมูลโดยกำหนดให้จำนวนชุดคลื่นความถี่น้อยกว่าจำนวนผู้เข้าประมูล หรือที่เรียกว่า เงื่อนไข N-1 เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยยังจำเป็นต้องจัดสรรคลื่นความถี่เพิ่มขึ้นอีกจำนวนมากเพื่อให้มีคลื่นความถี่ใช้งานได้ทัดเทียมประเทศกำลังพัฒนาต่างๆทั่วโลก แต่เงื่อนไข N-1 จะยิ่งทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสที่จะนำคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz มาใช้อย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 เพราะจะออกใบอนุญาตคลื่นความถี่น้อยกว่าผู้เข้าร่วมการประมูลที่พร้อมจะนำคลื่นความถี่ไปใช้ประโยชน์ นอกเหนือจากผลกระทบด้านลบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมและระบบเศรษฐกิจของประเทศแล้ว เงื่อนไข N-1 เป็นหลักเกณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยใช้ในการประมูลคลื่นความถี่ใดๆมาก่อนหน้านี้ จึงถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ที่จะเข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ในครั้งนี้
4.การกำหนดงวดและระยะเวลาการชำระเงินประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่
จากการที่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) และบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ได้ยื่นเรื่องขอผ่อนผันการชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz เมื่อเวลาผ่านมากว่า 2 ปี หลังจากการประมูลคลื่นความถี่ตั้งแต่ปี 2558 นั้น เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้รับแรงกดดันจากภาระด้านการเงินที่สูงมาก บริษัทฯ จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ กสทช. ได้โปรดพิจารณาทบทวนเงื่อนไขการกำหนดงวดและระยะเวลาการชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และคลื่นความถี่ย่านอื่นๆ ในอนาคตเพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการเงินเกินกว่าที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะแบกรับไหวตามที่เห็นสมควรด้วย