มีข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง ยินดีให้สัมภาษณ์กับ "ไทยพีบีเอส" แบบไม่เปิดเผยตัว แต่ต้องการให้ข้อมูล เบื้องหลังการทุจริตการจัดซื้อผ้าห่ม ที่เกี่ยวโยงไปถึงผู้บริหาร กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ บางคน
การจัดซื้อผ้าห่มของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง มีการทุจริตเกิดขึ้นแล้วหรือยัง
ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ไม่มีการใช้เงินจ่ายงบประมาณที่สำนักงบประมาณให้มา สำหรับคนยากจนคนยากไร้ 500 ล้าน จัดซื้อที่นี้ 50% ของงบประมาณนี้ แปลว่าเงินสำหรับคนยากคนจน ไม่ไปตกกับคนยากคนจน มันหายไปโดยการซื้อของ 240 ล้านบาท ซึ่งมันไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ของกรม
ความผิดปกติ เกิดขึ้นตอนไหน ถ้านับย้อนหลังหลายปีที่ผ่านมา
ในอดีตที่ผ่านมา มีบ้างที่มีการจัดซื้อ เช่นมีอากาศหนาวก็ซื้อของเพื่อแจกจ่ายกัน แต่ไม่มาก และงบประมาณก็ไม่สูงเท่านี้มาก่อน งบประมาณครั้งนี้สูงกว่าท้องตลาดหลายเท่าตัว และการที่ได้ของแบบนี้ทราบดีว่า มีบางจังหวัดที่มีจำนวนของเยอะ แต่ผ้าห่มไม่มีเท่าของที่จัดซื้อ เช่นจังหวัดนี้ได้ไป 3 หมื่นบาท ของจริงๆ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถตรวจได้กับจำนวนที่ได้ไป จังหวัดที่ได้ไป มันจะมีจังหวัดที่ได้มากน้อย เหมือนกับการจัดสรรเงินสงเคราะห์ที่ผิดปกติ ในปี 2560 แต่ปี 2559 เป็นเรื่องของผ้าห่ม
ทุกๆ ปีงบประมาณการจัดซื้อผ้าห่ม จะมากถึง 240 ล้านบาทไหม
ไม่มี อันนี้การจัดซื้อดูแล้วผิดปกติ การใช้ดุลพินิจอะไรของอธิบดีไปจัดซื้อ เพราะว่างบประมาณที่ให้มามันมาก มากเหลือเกินเพื่อให้คนยากคนจน แต่คุณเอา 50 % ไปซื้อ ถามหน่อย ตามระเบียบระบุไว้ว่าการที่จะซื้อของเหล่านี้ได้ต้องมีเหตุผล ความจำเป็นเดือดร้อน ของประชาชน โดยยึดหลักการช่วยเหลือตามหลักสังคมสงเคราะห์ รวมทั้งเป็นความต้องการของประชาชน สิ่งเหล่านี้ ไม่มีอะไรที่แสดงออก ถึงความต้องการของประชาชน เป็นการยัดเยียดให้ในสิ่งนี้ ถ้าเกิดผิดระเบียบ ในสิ่งนี้ก็คิดว่า ควรเรียกเงินคืน ถ้าท่านไม่สามารถชี้แจงได้
สิ่งที่มาเปิดเผยครั้งนี้เป็นความเจ็บช้ำ ขององค์กร ของเพื่อนร่วมงาน ที่ต้องเจ็บช้ำกับการที่แบกหน้าอยู่ในสังคม และการทำของท่าน ท่านก็งุบงิบทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ท่านมีเป็นแก๊ง แก๊งมาเฟีย หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ข้าราชการคนไหนที่ไม่ร่วมทำ จะต้องโดนอะไร เป็นรูปแบบการบริหาร เหมือนเอาโจรมาปกครอง
รูปแบบกระบวนการจัดซื้อผ้าห่มทำกันอย่างไร
ปี 2559 จัดซื้อโดยกรมส่วนกลางอนุมัติโดยอธิบดีกรม ถามว่า เท่ากับว่าใบเสนอราคามา 400-500 บาท เป็นคนเซ็นโดยตรง การเสนอราคา เท่าที่ทราบเป็นจากกลุ่มวิสาหกิจ อันนี้สามารถตรวจสอบได้ ว่ากลุ่มวิสาหกิจนั้น มีโรงงานเครื่องไม้เครื่องมือ ที่สามารถผลิตผ้าห่มได้ถึง 240 ล้านบาท หรือเปล่า มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ มันเป็นจำนวนมาก อันนี้ต้องตรวจสอบ
มีไหมที่มีการทำบัญชีผีขึ้นมา
คิดว่าความชำนาญการของท่าน ที่เคยมีประวัติการทุจริต ท่านต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการโกงกินครั้งนี้ เพราะท่านมีประวัติการถูกสอบการทุจริต แล้วก็สามารถมาดำรงตำแหน่ง เป็นถึง...ท่านมีประสบการณ์ต่างๆ และท่านก็ดึงประสบการณ์ ความชำนาญเหล่านี้มาทำ มันเหมือนอะไรที่มันมีอำนาจ มีอำนาจในการปกครอง หรือการบริหาร ควบคุมนโยบาย งบประมาณต่างๆที่กรมได้มา เพราะท่านเป็นท่านมีอำนาจเบ็ดเสร็จ
ถ้าให้ ป.ป.ท. ไปตรวจในศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง หลายๆแห่ง หรือว่าศูนย์สงเคราะห์ชาวเขา สหกรณ์ โครงการหมู่บ้าน คิดว่ามันจะเจอความผิดปกติของการจัดซื้อผ้าห่มเกิดขึ้นไหม
แน่นอน ทุกอย่างกลิ่นมันโชยมาตลอด เพราะเราทราบดีว่า มีการให้เซ็น แต่ของไม่มี เพราะฉะนั้น ต้องตรวจลึกไปเลยว่า เอารายชื่อมาจากไหน การที่จะแจกจ่ายนี้ ได้รับการประสานร่วมมือกับ อ.บ.ต.มั้ย เพราะส่วนใหญ่จำนวนของมากๆเราต้องบอก อ.บ.ต. แจ้งรายชื่อมา แล้วเอาของส่ง อ.บ.ต.แล้วแจกจ่ายกัน
เหมือนกับว่าจะมีรายชื่อผีโผล่ขึ้นมาอีก ไม่ต่างกับเงินคนจนเลย
แน่นอน เป็นความเจ็บช้ำอย่างหนึ่ง ของคนในกระทรวง ที่มีคนนี้เข้ามาปกครอง
ที่ออกมาพูด เพราะทนไม่ไหวแล้ว กับพฤติการณ์ที่เข้าข่ายทุจริต
เราต้องคอยทำงานที่เราไม่เคยทำ เพื่อพยายามปกปิดความผิดของเขาจากหน่วยตรวจสอบต่างๆ หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขระบบข้อมูลสารสนเทศ เพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบรายชื่อย้อนหลังได้ว่าใคร ได้รับของบ้าง ได้รับเงินบ้าง เช่น การกระทำระบบข้อมูลสารสนเทศบริการทางสังคม อันนี้มีการเปลี่ยนแปลง โดยเปลี่ยนแปลงระบบไม่ให้มีการสืบค้นประวัติได้ ซึ่งระบบพวกนี้ต้องเป็นระบบในการตรวจสอบได้ด้วย แต่เขาสามารถสั่งการ ทำอะไรก็ได้ให้กับลูกน้อง สั่งการต่อๆไป ให้ระบบทำได้แค่นี้ ประสิทธิภาพต่ำลงกว่าในอดีต อันนี้เป็นความชั่วร้ายของกรม หน่วยตรวจสอบภายในของกรม มีหน้าที่ไปตรวจหน่วยงาน ที่ไม่ยอมทำตามของนาย.. เลือกตรวจบางหน่วย ส่วนหน่วยที่ได้รับเงินมาก ก็ไปตรวจ ก็ไม่พบเจอ ซึ่งผิดปกติ
หน่วยตรวจสอบภายใน เหมือน ส.ต.ง. ประจำกรม มีการทุจริตขนาดนั้น มีแผนเดินทางไปราชการหลายที่ ไม่เห็นเลยหรือว่า การเบิกเงินหลายอย่าง ไม่มีแม้กระทั่งบัตรประชาชน อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องไปถามว่า ระบบตรวจสอบภายในของกรม มันล้มเหลวมากน้อยแค่ไหน การจัดซื้อผ้าห่มครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่เค้าพยายามหาเงิน ส่วนต่างอย่างชัดเจน และการอนุมัติ ไม่ได้อนุมัติที่ หน่วยงานปลายทาง ปลายทางแค่รับของ แต่อันนี้คืออนุมัติจากส่วนกลาง
ส่วนปี 250 ปลายทางอนุมัติ คนปลายทางก็บาดเจ็บล้มตาย เพราะฉะนั้นปี 2559 เป็นสิ่งที่เค้าอนุมัติ ต้องไปถามว่าโดยดุลพินิจอะไร ในการอนุมัติ ทั้งที่ประชาชนไม่ได้ร้องขอ มีหลักฐานประชาชนร้องขอไหม
แจกผ้าห่ม ไม่ได้สำรวจต้องการหรือไม่
ใช่ส่วนใหญ่จะดูตามสถานการณ์ เช่น อากาศหนาว ซื้อผ้าห่มไปแจกกัน อันนั้นก็ตอบได้ ประวัติก็ไม่มากเล็กๆน้อยๆ แต่ครั้งนี้ มันมากจนผิดสังเกต ต้องถามว่า 240 ล้าน มีประชาชนกี่คนบ้างที่ยื่นคำร้องขอผ้าห่ม องค์กรอะไรบ้างที่ยื่นคำร้องขอผ้าห่ม ถ้าเกิดไม่มี ขอนำเรียนเลยว่า ให้ ส.ต.ง. เรียกเงินท่านคืน เพราะว่าท่านทำงานโดยผิดระเบียบ ไม่ใช่ทุจริตนะ บางครั้งทุจริต แต่ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบ แต่ครั้งนี้มันผิดระเบียบตั้งแต่การจัดซื้อ มันต้องเรียกเงินคืน
คาดว่าจะมีการทอนเงินกลับมา คล้ายๆ กับเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งไหม
การทอนเงินไม่เหมือนกัน เพราะครั้งนี้ เงินจ่ายที่ส่วนกลางเลย ส่วนกลาง ต้องตอบ
หมายความว่าส่วนกลางได้ไปเต็มๆ
ใช่ ได้ไปเต็มๆ มันเป็นสิ่งที่มันทนไม่ได้แล้ว กับการที่เราต้องมานั่งรายงานข้อมูลเพื่อปกปิดข้อมูล ของคนที่ได้รับผลประโยชน์ กลับบ้านก็ดึก ๆ ดื่น ๆ เสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องมานั่งทำงาน ใช้มากันเป็นทอด ๆ เพื่อให้งานเคลียร์ผู้ใหญ่ให้สะอาด มันเป็นความที่เอาเปรียบ แล้วมันเป็นบาปกรรม คิดว่ามันจะต้องเรียกเงินคืน เพราะทราบดีอยู่ส่วนกลาง ไม่มีใครร้องขอมา ประชาชนก็ไม่มีการร้องขอมา
ยังมีโครงการอะไรอีกของกรมนี้ ที่เราต้องจับตามองต่อไปไหม
มีการให้เจ้าหน้าที่ไปอบรม แต่จะมีการส่งขอว่า ขอรายชื่อ 20 คน ให้ไป 13 คน เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการส่วนกลางเบิกให้หมด มีการปลอมลายเซ็นของคนที่ไม่ไป 7 คน
ปัจจุบันนี้ ทำกันทุกครั้งใช้รูปแบบนี้เหมือนกันไหม
อันนี้พบเจอเมื่อ ต้นปีงบประมาณ 2561
ต้องมาจับตาดูว่า งบประมาณที่เบิกไปเข้ากระเป๋าใครอีกไหม
อันนี้เป็นเรื่องของกองที่รับผิดชอบซื้อผ้าห่ม ไม่ใช่กองไหนเลย คือกองที่ตั้งของท่านที่เอาคนมาจัดซื้อจัดจ้าง การโอนเงิน พวกนี้จะมีพฤติกรรมแบบนี้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนให้รายชื่อไปอึดอัด อึดอัดตรงที่ว่า ต้องให้รายชื่อไป ตอนที่คนอื่นไปอบรม ก็มาทำงานไม่ได้ เพราะชื่อไปอยู่ที่ไปอบรมแล้ว ถ้าเกิดถูกตรวจสอบมา ก็ขาดราชการ ลายเซ็นก็ปลอม ทั้งที่เขาอยากไป แต่บอกไปไม่ได้ ให้ไปแค่ 13 คน
ผ้าห่มรุ่นปี 2559 -60 ราคามันสูงถึง 400 บาทไหม
ผ้าห่มมีหลายเกรด ในการจัดซื้อจัดจ้าง สิ่งที่มีการเผยแพร่จังหวัดสิงห์บุรี ประมาณ 190 200 บาท มีบางส่วน ที่จัดซื้อบางจังหวัดที่คุณภาพแย่กว่านั้นอีก อยู่ที่ราคา 120-150 บาท เนื่องจากกรมติดกับตลาดโบ๊เบ๊ เราเห็นอยู่ว่า 120 บาท แต่คือ 400 บาท ของ....คนนี้ คือมีทั้งสเปค 200 บาท กับ สเปค 120 บาท
การเสนอราคาของร้านค้าวิสาหกิจชุมชน ที่เสนอมายังกรม ราคาเท่าไหร่
ไม่เคยเห็น เพราะเอกสารนี้ เป็นเอกสารลับ ค่อนข้างที่จะลับสำหรับกลุ่มเขาที่ไปทำงาน และที่สำคัญ ไม่ได้ทำงานที่เกี่ยวข้องด้านกองคลัง ก็จะไม่เห็น แต่เราเห็นผ้าห่มแบบนี้ ที่ตลาดโบ๊เบ๊ มันราคาเท่านี้ มันจะมีผ้าห่มลายทางๆ อันนั้นอยู่ราคาประมาณ 120-150 บาท ซึ่งเราไปซื้อปลีก ยังซื้อราคานั้นได้เลย
เท่ากับว่าตอนนี้ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ที่ได้รับแจกผ้าห่ม ได้รับงบประมาณไป บางศูนย์ 4 ล้านบาท ก็มี 5 ล้านบาท ก็มี ไม่รู้เลยว่าราคา ผ้าห่มที่เราได้รับไปแจกราคาเท่าไหร่ ไม่ทราบ เพราะเราได้แต่ของ ได้ของมา แล้วก็ไปแจกจ่าย แต่มาทราบตอนที่เป็นข่าว ป.ป.ท. แต่เราก็รู้อยู่ว่าผ้าห่มนี้มันก็เห็นอยู่แถบตลาดโบ๊เบ๊ ใกล้กับกรมกระทรวงเรา ก็แปลกใจว่าทำไมถึงได้ซื้อถึง 400 บาท
อย่างโซนไหน จังหวัดไหนที่เขา จะได้รับงบประมาณค่อนข้างสูง
ถ้าดูงบประมาณให้ดูเลยว่า จังหวัดที่งบฯ สูง เรื่องผ้าห่ม ปี 2560 เงินผู้มีรายได้น้อย ก็สูงตาม ป้องกันการชี้เป้า อันนี้ตรวจสอบง่ายมาก ไปตรวจสอบเลยว่า มีอะไรยื่นเสนอขอมา ส่วนกลางถึงพิจารณา เพราะตามระเบียบมันบอกไว้ คุณจะใช้จ่ายเงินซื้อของ ต้องเป็นไปตามความจำเป็น เดือดร้อน ตามหลักการสังคมสงเคราะห์ ถ้าเกิดแสดงออกว่ามันไม่ได้ ไม่มี ส.ต.ง. และ ป.ป.ท. เรียกเงินคืน
ขอแสดงเจตนารมณ์ว่า ครั้งที่แล้ว การโกงทุจริตครั้งนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่ ป.ป.ท. ตรวจงบปี 2560 ทั้งในส่วนที่เสียหาย เงินต่างๆ ที่เสียไป จากมือคนยากคนจน 240 ล้านบาท เชื่อว่า เขาเอาเงินมาคืนได้ ให้เรียกคืนเลย
มีไหมบางปี ซื้อไปแจกไม่หมดแต่ว่าเอาไปแจกต่อ ตั้งงบประมาณใหม่
ต้องมีการตรวจสอบ ท่านต้องชี้ ถ้าเกิดไม่มีการตรวจสอบเนี่ย การทุจริตทำกันหลายจุด ก็น่าเห็นใจทาง ป.ป.ท. ซึ่งมีบุคคลากรก็ไม่มาก แล้วการตรวจสอบไม่ได้มีกระทรวงเดียว มีหลายกระทรวงที่ต้องตรวจสอบ
การตรวจสอบ ที่ง่ายที่สุด ต้องมาสอบถามนโยบายของส่วนกลาง กองที่เกี่ยวข้อง อันนี้สอบที่ปลายทาง ตอนนี้ ป.ป.ท. ต้องมาตรวจ ส่วนกลาง ซึ่งเป็นสมองของการสั่งการโกง อันนั้นคือมือเท้า ส่วนกลางคือสมอง ทำไมคิดเช่นนี้ คิดแบบนี้ผิดระเบียบมั้ย ซึ่งการปฏิบัติงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ถ้าเกิดการปฏิบัติงานผิดระเบียบ ใช้เงินผิดระเบียบ ไม่เป็นตามเกณฑ์ของระเบียบ อันนี้ให้เรียกเงินคืน
ให้ข้อมูล เพราะเราขัดแย้ง หรือไม่ได้ผลประโยชน์ร่วมกันกับเขาหรือเปล่า
ความขัดแย้ง ไม่มี เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ต้องได้ทำงานทุกอย่าง ยิ่งเขาผ่านการตรวจสอบไปแล้ว แต่ก็ยังมีลูกสมุนจี้ให้ทำงาน เพื่อให้เขาโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ สิ่งนี้คือได้รับผลกระทบ และเราได้เห็นตัวเลขต่างๆ ตัวเลขแค่นี้ต้องปรับให้มันสูงกว่านี้ ตั้งแต่ตอนทุจริต พอมีการตรวจสอบ ก็พยายามจะทำลายตัวเลข ให้ตรวจสอบกันไม่ได้ ที่สำคัญคนที่ทำงานระบบบริการทางสังคม ต้องมานั่งรับผิดชอบในการปรับเปลี่ยนระบบ แปลงแอพลิเคชั่นทั้งหลาย ให้ตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งสเปคการจัดซื้อจัดจ้าง มันต้องมีประสิทธิภาพของระบบขั้นไหน แต่ต้องทำดึงสเปคให้ต่ำ เพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบได้ สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราไม่ได้รับผลประโยชน์ แต่เราต้องทำ เพราะว่า...คนที่สั่งการได้รับคำสั่ง หรือมีความสนิทใกล้ชิด สั่งกันมา แล้วก็มาสั่งในปี 2561 ทั้งที่เค้าออกจากตำแหน่งไปแล้ว ความเชื่อมโยงอำนาจแฝงยังมีอยู่
ตอนนี้มีคนตั้งคำถามว่ากรมที่ตั้งขึ้นมาบริหารงาน หรือบริหารกลโกงกันแน่
ไม่เป็น อันนี้เกิดจากความชำนาญพิเศษ เกิดจากการรวมแก๊ง วงจร ประวัติศาสตร์เราไม่มีแบบนี้ และประวัติศาสตร์ครั้งนี้มันทำโดยมืออาชีพ มืออาชีพทุกอย่าง จะเห็นได้ว่าการโต้ตอบการที่จะมาแฉกันมากมาย ปฏิกิริยาการโต้ตอบ เขาเหมือนคนที่โปร่งใส โต้ตอบดี ไม่มีอาการ ความกังวลใดๆ ทั้งสิ้นเลย เขาตอบอย่างสบายๆ ซึ่งเราทำงานอยู่ เราก็รู้สึกว่า เก่งนะที่ทำได้ ปฏิกิริยาการแสดงออกทางสังคมเขาเนียน
ต้องถามสื่อมวลชนว่า การตรวจสอบครั้งนี้มันจี้ไปทางองค์กร ไม่มีใครรู้ว่าใครโกง ชื่ออะไร แล้วกรมไปติดต่องานที่ไหนก็เสียหาย ต้องบอกเลยเป็นการทุจริตสมัย......ดำรงตำแหน่ง.......มันเสียหายกับอธิบดีคนใหม่ และมันเสียหายราชการต่างๆ ที่ต้องไปติดต่องานที่ไหน เราไม่อยากจะเอ่ยมันเป็นเรื่องอับอาย แต่คิดว่าครั้งนี้ วิกฤตินี้ฝีต่างๆ หนองต่างๆ มันเป็นมาอย่างแยบยล
ในอดีตมันอาจจะมีบ้าง แต่ครั้งนี้ที่มันผิดพลาด ก็คือว่า.....มีที่ปรึกษาเป็นอดีตข้าราชการที่ถูกไล่ออก เอามาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งข้าราชการผู้นั้นเป็นถึงอดีต.........ที่ถูกไล่ออก เอามาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว สุดท้าย......ก็ถูกไล่ออกตาม หนำซ้ำต้นแบบที่อยากให้คนในกระทรวงทำกัน เหตุจูงใจเพราะความโลภ พยายามสอนคนให้โลภต่างๆ
กระบวนการทุจริตมีคนหนุนหลังอยู่ ไม่ใช่แค่คนเดียวที่จะทำได้
ทราบ การที่จะเอาเงินไปถึงต่างจังหวัดได้ มีขั้นตอนเยอะ กองที่รับผิดชอบ เจ้าของงบประมาณการโอนเงิน โอนเงินไปที่จุดตรงไหน มันเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกัน มันเป็นลักษณะแก๊ง และมีเป้าหมายอย่างชัดเจน ที่จะโอนไปแล้วทำยังไง ทำไม่ได้ก็สอนกันให้ทำกันให้ได้
แล้วถ้าใครไม่ทำตามต้องเจออะไรบ้าง
มีหน่วยงานหนึ่ง ทำเรื่องคืนเงินมาที่กรม ไม่ทำด้วย แต่มีสมุนของเขาไปหว่านล้อมให้ทำ แต่เนื่องจากจังหวัดนั้นไม่ทำ หว่านล้อมเท่าไหร่ก็ไม่ทำ โดยให้เหตุผลว่า เขาทำกันทั่วประเทศ มึงจะไม่ทำหรอ รายนั้นโอนเงินคืน ยืนยันว่าไม่ทำ มีตัวตน เพราะมีหลักฐานการคืนเงิน
แสดงให้เห็นว่าข้าราชการน้ำดีในกรมนี้ยังมีอยู่ ไม่ใช่ว่าจะโกงทุกจังหวัด
ยังมีอยู่ มันเกิดจาก มีวิธีการ เหมือนแก๊งที่หลอกลวงต้มตุ๋นคน แล้วทำกระบวนการต่างๆ ให้คนหลงเชื่อ เหมือนแชร์ลูกโซ่ ลักษณะแบบนี้ เราก็ไม่ต่างกัน ที่ตกหลุมพรางอันนี้ มีการต้อนคนไปในที่ๆ หนึ่ง เหมือนมีการประชุม สุดท้ายก็คุยเจรจากันบนโต๊ะ ว่าหน่วยนี้เอาเท่าไหร่หน่วยนี้เอาเท่านี้ ถามว่าถ้าไป 20 คน นั่งอยู่ที่โต๊ะจะมีใครกล้าบอกว่า ไม่เอาบ้าง มันตกกระไดพลอยโจร
รูปแบบวิธีการนำเงินมาให้ผู้บริหารคนนี้ เขาทำกันยังไงโอนกันหรือเงินสด
เท่าที่รู้จะมีคนที่ไปเก็บ อันที่สองคนที่สนิทเอามาให้ แต่ทุกอย่างเป็นเงินสด
ถ้า ป.ป.ง.ตรวจตอนนี้ จะไม่เห็นร่องรอยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร
ไม่เห็น เพราะการเบิกจ่ายเงินประชาชน เราจ่ายเป็นเงินสด พอจ่ายเป็นเงินสด เงินไม่จ่าย มันก็เป็นรูปแบบเงินสด เป็นเงินสดมาไปให้ใคร ไม่มีใครเอาไปฝากธนาคาร ต้องถือกันเป็นเงินสด
เท่ากับว่าส่งคนสนิทไปเก็บตามศูนย์คุ้มครองแต่ละจังหวัด
มีด้วยๆ มีทั้งไปเก็บ มีทั้งถือมาถ้าเกิด ป.ป.ง. กำลังตรวจทรัพย์อยู่ในขณะนี้ ต้องเน้นตรวจอะไร ความร่ำรวยผิดปกติ เช่น ผอ.... ทำไมออกรถได้หลายคัน ซึ่งเป็นกองที่โอนเงินเป็นพันล้าน รถมาจอดส่วนกลาง ใครๆ ก็เห็น
อะไรที่ทำให้ออกมาพูดครั้งนี้
สิ่งที่เราทำทุกวันนี้บางอย่างเหมือนเป็นทาสรับใช้ ให้กับผู้นี้ ทั้งที่เราเป็นคนทำงานให้กับ ประชาชน เป็นข้าราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ พนักงานรัฐ แต่สิ่งเหล่านี้มันเหมือนเป็นทาสรับใช้ โดยมีการดึงกันไป อะไรกันไป ถ้าเกิดไม่ทำก็ถูกย้าย กลั่นแกล้ง โดยคนที่เป็น ผอ....รับออเดอร์มาทุกอย่าง ทำเพื่อผลประโยชน์แค่คนเดียว แค่พวกพ้องที่ให้รอดจากการตรวจสอบ แต่พวกเราต้องทำงานถึงตี 2 หลายๆ ครั้งความเร่งด่วน ทุกอย่างจะให้เงินพิเศษ แต่บางครั้งไม่อยากได้ อยากจะได้ชีวิตกับครอบครัว ไม่อยากตึงเครียด แต่เราได้รับผลกระทบสั่งให้ปรับหลายๆ อย่างด้วยกัน เช่น แอพพิเคชั่น ข้อมูลต่างๆ มันวุ่นวาย วุ่นวายหลายๆ อย่าง
สุดท้ายอยากให้ฝากถึงน้องแบม ที่ออกมาเปิดโปงจนมีการตรวจสอบทั่วประเทศ
น้องแบมเป็นสิ่งที่เหมือนกับฟ้าลิขิต ทั้งนี้มีการตรวจสอบมากมายแต่ก็หาย น้องแบมเป็นนักต่อสู้ ที่ออกมาเปิดโปงทุกอย่าง น้องมีอุดมการณ์ ซึ่งคิดว่า เขามุ่งประสงค์ร้าย ก็ทำอะไรน้องแบมไม่ได้ เพราะน้องแบมทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อประโยชน์กับคนยากคนจน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ฟ้าลิขิตมา
น้องแบมทำให้เรากล้าพูดความจริง
เรากล้ามากขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้ทำไม ไม่สามารถเปิดเผยหน้าได้ เพราะ...มีเงินเยอะ เขาสามารถขู่กรรโชก แม้กระทั่งผู้ตรวจกระทรวง ในการประชุมผู้ตรวจกระทรวงครั้งสุดท้าย ว่าเขาสามารถรู้ข้อมูลต่างๆ ได้หมด ของหน่วยงานที่ตรวจสอบเขา เขาแสดงถึงอำนาจแฝง ในที่ประชุมของผู้ตรวจราชการ อันนี้สามารถตรวจสอบได้ และมีการอ้างอิงถึงผู้ใหญ่ คนหนึ่งที่เคยผ่านการตรวจสอบมาแล้ว ยังสามารถให้ดูได้เลย และมีการข่มขู่สารพัด โดยสามารถจ้างทีมงานมืออาชีพดักฟังทุกอย่าง
สิ่งนี้ทำให้เราหวังทางท่านนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการใช้อำนาจพิเศษ กฎหมายพิเศษ จัดการเรื่องนี้ เพราะถูกข่มขู่เป็นระยะๆ มีหลายคนที่ประณามเขา สุดท้ายต่อมาพวกนี้ก็จะถูกกลั่นแกล้ง ถูกตรวจสอบ ป.ป.ท. ตรวจไม่เจอ ก็ให้ พม.มาตรวจกันเอง ให้เจออำนาจแฝงซ่อนเร้น และเงินมหาศาล กับอิทธิพลความเลวร้ายที่ฝังอยู่ในตัวเขา ขนาดผู้ตรวจราชการกระทรวงเขายังขู่ได้เลย ในงานประชุมที่เป็นทางการ สิ่งเหล่านี้ก็อยากสะท้อนไปถึงท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า มันเป็นการที่เราให้คนแบบนี้มีความอิสระทำอะไรติดต่อได้ ยังลอบบี้กลั่นแกล้งกันได้ ให้อิสระเขา ถึงแม้ว่าออกจากราชการไปแล้ว แต่เขายังมีอิสระในการติดตามข้อมูลข่าวสาร และเช็คบิล
จิราพร คำภาพันธ์/ผู้สื่อข่าวไทยบีเอส