วันนี้ ( 21 พ.ค.61) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คสช.ควรฟังเสียงวิพากวิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะในโอกาส 4 ปี คสช. ซึ่งตัวเองยังไม่เห็นการปฎิรูป การปรองดอง และการแก้ปัญหาปากท้องอย่างเป็นรูปธรรม
"อยากเห็น คสช. มุ่งเดินหน้าแก้ปัญหามากกว่าหาข้อแก้ตัว ซึ่ง คสช.มีความตั้งใจและความพยายามในการแก้ไขปัญหา รวมถึงยุติรัฐบาลที่ฉ้อฉลอำนาจ ใช้อำนาจโดยมิชอบได้ แต่ยังไม่เห็นการปฏิรูป การปรองดอง การปราบปรามการทุจริตและแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องได้เป็นรูปธรรม" นายองอาจ กล่าว
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เชื่อว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยแถลงแสดงความเห็นตามสิทธิขั้นพื้นฐานในรัฐธรรมนูญ และแสดงความเห็นในฐานะอดีตตัวแทนประชาชนที่มีความห่วงใยต่อบ้านเมือง เพื่อให้รัฐบาลนำไปปรับการทำงาน ทั้งนี้ คสช.ไม่ควรมุ่งใช้กฎหมายเพื่อรักษาความมั่นคงของตัวเอง โดยยอมรับว่า มีโอกาสที่ คสช.จะนำประเด็นนี้ไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย แต่การยุบพรรคนั้นไม่สามารถตัดความศรัทธาระหว่างประชาชนกับพรรคได้
ผศ.ปิยะบุตร แสงกนกกุล แกนนำผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ชี้ว่า คสช.ดำเนินคดีกับพรรคเพื่อไทย เป็นตัวอย่างของความไม่ปกติในสังคมตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สร้างบรรยากาศที่ไม่เอื้อต่อการเลือกตั้ง เนื่องจากไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิรณรงค์แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างเต็มที่
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ภาคส่วนต่างๆ จะออกมาประเมินผลงานของ คสช.และรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ที่ถูกสังคมจับตามองและคาดหวังการปฏิรูปสูง ซึ่ง คสช.ควรน้อมรับคำวิจารณ์และประมวลผลงานที่เป็นรูปธรรมแถลง หรือรายงานต่อประชาชน แทนที่จะใช้โวหารวาทกรรมตอบโต้กัน