พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการคลัง เข้ากวาดล้างนายทุนต่างชาติลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์อันตรายที่ประเทศอื่นไม่อนุญาตให้นำเข้า แต่ประเทศไทยมีช่องโหว่ทางกฎหมายทำให้สามารถนำเข้าได้โดยการสำแดงเท็จ และนำมาคัดแยก รีไซเคิล ถือเป็นการนำมลภาวะจากทั่วโลกมารวมไว้ที่ประเทศไทย
โดยวันนี้ (22 พ.ค.2561) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก 5 กระทรวง และผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ตรวจค้นโรงงานคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยนักธุรกิจชาวฮ่องกง และใช้กระบวนการคัดแยก จัดการและกำจัดขยะไม่ได้มาตรฐาน
พล.ต.อ.วิระชัย ระบุว่า จากการตรวจค้นพบว่าโรงงานแห่งนี้มีการนำกากขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นกากขยะอุตสาหกรรมอันตรายจากต่างประเทศ เข้ามาทำการรีไซเคิลด้วยการหลอมเอาตะกั่วออก แล้วแยกชิ้นส่วน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบที่มาที่ไป แต่ทราบว่าส่งไปหลอมในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งการกระทำทั้งหมดโรงงานไม่ได้ขออนุญาตให้ถูกต้อง อีกทั้งภายในโรงงานไม่มีระบบป้องกันก๊าซอันตราย ไม่มีระบบป้องกันกลิ่น และระบบป้องกันน้ำเสีย รวมถึงมีการกรองขยะอุตสาหกรรมกลางแจ้ง หากมีฝนตกจะเกิดการชะล้างไปสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกันยังพบว่า แรงงานที่ทำงานในโรงงานส่วนหนึ่งเป็นแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย จึงต้องดำเนินการจับกุม พร้อมประสานกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาปิดโรงงานภายในวันนี้ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับโรงงานแห่งนี้ ประกอบด้วย นำเข้ามาซึ่งวัตถุดิบอันตรายชนิดที่ 3 คือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต, ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ชุมชน, ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับแจ้ง, ให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ให้ที่พักพิง ช่วยเหลือ ซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง และรับคนงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน และข้อหาอื่นๆ
พล.ต.อ.วิระชัย ยังระบุอีกว่า เจ้าของโรงงานแห่งนี้เป็นชาวฮ่องกงและอาศัยอยู่ที่ฮ่องกง แต่ใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งรับมลพิษ และทำให้ตัวเองร่ำรวย จึงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เตรียมขยายผลเอาผิดเพิ่มเติม เนื่องจากขยะอุตสาหกรรมทั้งหมดที่อยู่ในโรงงานแห่งนี้นำเข้ามาจาก 2 บริษัทและเป็นบริษัทที่ผิดกฎหมายเช่นกัน