ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ที่มา ส.ว.และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัดรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ ขั้นตอนจากนี้ คือ รอนำขึ้นทูลเกล้าฯ และลงประกาศในราชกิจจาฯคาดว่าการเลือกตั้งน่าไม่เกินเดือน พ.ค.2562
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรมผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง โดยตรงมีกลุ่มหลักๆอยู่ 4 กลุ่ม ได้แก่ รับเหมาก่อสร้าง,วัสดุก่อสร้าง, แบงก์ และนิคมอุตสาหกรรม ส่วนที่เป็นกลุ่มรอง มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ ค้าปลีก และมีเดีย(โฆษณา)
โดยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เป็นกลุ่มที่รับผลบวกตรงๆ เพราะหลังเลือกตั้งรัฐบาลใหม่มักจะมีโครงการลงทุนภาครัฐจำนวนมาก ซึ่งหากดูจากโครงการภาครัฐที่คาดเปิดประมูลปี 2561 พบว่ามีมากถึง 24 โครงการ มูลค่า 8.2 แสนล้านบาท ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะได้ประโยชน์ต่อจากกลุ่มรับเหมาฯ เมื่อมีการก่อสร้าง ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเช่น ปูนซิเมนต์ เหล็ก จะมีมากขึ้น
ขณะที่หุ้นกลุ่มแบงก์จะได้อานิสงค์จากการปล่อยสินเชื่อผ่านโครงการลงทุนต่างๆ จะขยายตัวดีขึ้น ส่วนกลุ่มนิคมฯ มีเป็นประเด็นบวกจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี
นอกจากนี้กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ทางอ้อม คือ กลุ่มค้าปลีก ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นการเดินหน้าโครงการภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยมาก และกลุ่มมีเดีย เน้นไปที่ธุรกิจโฆษณาทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง การโฆษณาจะคึกคักมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเม็ดเงินซ้อโฆษณาโดยเฉพาะสื้อนอกกบ้านจะมีความสำคัญมากในช่วงเลือกตั้งแบะคาดว่าจะมีการขยายตัวในการซื้อสื่อถึงร้อยละ 15