วันนี้ (15 ส.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสวนวชิรเบญจทัศหรือ สวนรถไฟ เพิ่มความถี่ในการตรวจตราโดยรอบสวนสาธารณะ ตามมาตรการดูแลความปลอดภัยใหม่ จากเดิมที่เคยตรวจทุก 1 ชั่วโมง เป็นทุก 15 นาที หลังมีข่าวว่า มีกลุ่มบุคคลนัดแนะกันมาทำอนาจารในสวนสาธารณะ
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ระบุว่า ที่ผ่านมาพยายามตรวจตราและเฝ้าระวังมาโดยตลอด และยอมรับว่า เคยพบเห็นกรณีการพลอดรักกัน ซึ่งหากพบพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็จะเข้าไปตักเตือน แต่ก็เคยถูกต่อว่า ว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ด้านผู้ใช้บริการสวนสาธารณะมองว่า แม้จะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ในการตรวจตรา แต่ผู้ใช้บริการก็ต้องมีจิตสำนึก และต้องคำนึงว่าสวนสาธารณะเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์สาธารณะของคนทุกช่วงวัย
ทั้งนี้ วัลยา วัฒนรัตน์ ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ระบุว่า ได้มีมาตรการสำหรับดูแลความปลอดภัยสวนสาธารณะของกรุงเทพมหาครที่มีการปรับปรุงใหม่ คือ
- เพิ่มความถี่ในการตรวจตราพื้นที่ภายในสวน และตั้งกล่องเขียวบันทึกข้อมูลและรายงานผลการตรวจสอบ เพื่อให้การบันทึกรายงานเป็นลายลักษณ์อักษร จากที่ผ่านมามีเพียงการรายงานอย่างไม่เป็นทางการผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์
- หากเกิดเหตุชิงทรัพย์ การทะเลาะวิวาท และการทำอนาจาร ให้หัวหน้าสวนดำเนินการแจ้งความและลงบันทึกประจำวันต่อตำรวจท้องที่ทันที
- แก้ไขป้ายระเบียบข้อห้ามการใช้สวน เช่น การปรับตัวอักษรให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จัดทำป้ายหลากหลายภาษา รวมถึงระบุการห้ามทำอนาจารภายในสวนสาธารณะในระเบียบการใช้สวนเพิ่มเติม
- ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพิ่มเติมในจุดอับ จุดเสี่ยง
- จัดเจ้าหน้าที่ประจำห้องน้ำภายในสวนสาธารณะตลอด 24 ชั่วโมง
- จัดทำป้ายสื่อความหมายเป็นภาษาอังกฤษ
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด ไม่ได้ละเลยต่อกรณีที่มีการร้องเรียน และจะลงพื้นที่ตรวจสอบสวนสาธารณะด้วยตัวเองสัปดาห์ละ 2 ครั้ง พร้อมเรียกร้องให้ผู้ที่มารวมกลุ่มทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ให้มีจิตสำนึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ทำให้บ้านเมืองเสียหาย