คดีนี้เริ่มจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งเรื่องสอบ แล้วส่งต่อให้ ป.ป.ช. ทำไมนายสุเทพ ที่เวลานั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงถูกกล่าวหาไปด้วย
รับช่วงต่อจาก "ดีเอสไอ" สอบข้อเท็จจริงไปแล้วมากกว่า 5 ปี เรียกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงด้วยวาจา 2 ครั้ง หลังเรียกเป็นเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เหตุจากอนุมัติโครงการสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่ง และโรงพักทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ในวงเงิน 5,848 ล้านบาท
ข้อกล่าวหาคือเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้าง-เอื้อประโยชน์ให้กับคู่สัญญา และเป็นเหตุให้การดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ตามสัญญาได้ เข้าข่ายการกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับหน่วยงานของรัฐ ปี 2542 และมีความผิดทางอาญา มาตรา 157
โครงการนี้ได้รับการอนุมัติในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และได้รับความเห็นชอบจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปตาม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. เสนอพร้อมวิธีการประมูลจัดซื้อจัดจ้างรายภาค ด้วยวงเงินงบประมาณ 6,672 ล้านบาท
แต่หลังจากนั้น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาการ ผบ.ตร. เสนอปรับแก้วิธีการการจัดซื้อจัดจ้างเป็นแบบรายเดียวโดยส่วนกลาง พร้อมเหตุผลปรับวงเงินงบประมาณเป็น 5,848 ล้านบาท และการดำเนินงานที่เร็วขึ้น แต่เมื่อถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี อดีต ผบ.ตร.กำกับดูแล-การก่อสร้างกลับไม่แล้วเสร็จตามสัญญา
เดิมที่โครงการนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งเรื่องสอบข้อเท็จจริง และเมื่อเชื่อมโยงถึงนักการเมือง จึงส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช. เมื่อปี 2556 แต่จนถึงขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น โดย ป.ป.ช.คงเรื่องสอบไว้เพียงแค่นายสุเทพ ไม่มีเหตุสอบนายอภิสิทธิ์ และย้ำที่จะส่งสรุปว่า จะตีตก หรือชี้มูล ภายในสิ้นปีนี้