วันนี้ (23 ส.ค.61) นายจงรักษ์ กิจสำราญกุล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็น เพราะขณะนี้ยังมีเวลาในการเปิดรับลงทะเบียนสำหรับผู้ที่มีความประสงค์ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ครั้งที่ 3 เพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพอย่างถูกกฎหมาย โดยกำหนดให้รถจักรยานยนต์ต้องจดทะเบียนเป็นป้ายเหลือง ห้ามนำรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมารับจ้างขนส่งผู้โดยสาร พร้อมจัดระเบียบสถานที่จอดรอผู้โดยสาร (วิน) และกำหนดรูปแบบเสื้อวินที่ระบุชื่อวิน บัตรประจำตัว และหมายเลขประจำตัวถูกต้องตรงกัน
โดยการลงทะเบียนจะหมดเขตการรับสมัครในสิ้นเดือนนี้ จึงขอให้โอกาสทุกฝ่ายก่อน เนื่องจากผู้ขับขี่ของแกร็บและสมาชิกในวินบางส่วนยังเป็นป้ายส่วนบุคคล โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 52 เขต ซึ่งหลังจากหมดเขตการลงทะเบียนจะเริ่มดำเนินการตรวจสอบสิทธิและออกหนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะให้แล้วเสร็จภายใน 31 ต.ค.61 โดยจะพิจารณาและตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเคร่งครัด คำนึงถึงความเหมาะสมรอบด้าน โดยเฉพาะการจัดตั้งวินใหม่ต้องไม่ทับซ้อนเส้นทางของวินเดิม ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน
ส่วนการทำความเข้าใจกับบริษัทแกร็บ ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างบริษัทแกร็บ ประเทศไทย กรมการขนส่งทางบก ผู้ร้องเรียน และฝ่ายความมั่นคง เพื่อหาทางออกมาแล้ว
พร้อมยืนยันว่า หากถึงสิ้นเดือนซึ่งหมดเขตการลงทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นแกร็บหรือรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ไม่ได้มีการลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบจากกรมการขนส่งทางบก จะไม่สามารถให้บริการได้ หากตรวจพบจะถูกจับทันทีเนื่องจากผิด พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 และปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ด้านบริษัทแกร็บ ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์กรณีกลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซต์รับจ้างรวมตัวเพื่อเรียกร้องกรณีแกร็บไบค์ โดยยืนยันว่า พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลและได้เร่งดำเนินการมาตรการต่างๆ เพื่อตอบรับแนวทางจัดระเบียบรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะที่ทางภาครัฐได้ประกาศ ซึ่งแกร็บ ได้แยกบริการ “แกร็บไบค์ (วิน)” ให้เป็นบริการรับส่งผู้โดยสาร และเปลี่ยนชื่อบริการ “แกร็บไบค์ (เดลิเวอรี่)” เดิมเป็น “แกร็บเอ็กซ์เพรส (ไบค์)” เพื่อสร้างความชัดเจนว่าเป็นบริการรับส่งพัสดุเอกสารและป้องกันความสับสน รณรงค์ให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่แกร็บไบค์ป้ายขาว ลงทะเบียนเพื่อสอบใบขับขี่สาธารณะ เพื่อรวบรวมและนำรายชื่อไปขออนุญาตทะเบียนรถป้ายเหลืองจากกรมการขนส่งทางบกต่อไป
ขณะที่มาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ยังอยู่ระหว่างรอข้อสรุปจาก กรมการขนส่งทางบก ซึ่งกำลังทำการศึกษาเพื่อหามาตรการที่เหมาะสมสำหรับการให้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพื่อรับส่งผู้โดยสารผ่านแอพพลิเคชั่น