ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เนตรนภา งามเนตร ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค พร้อมด้วยตำรวจสถานีตำรวจภูธรไทรโยคทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และคณะสื่อมวลชน เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมและร่องรอยของการกระทำผิด โดยเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (8 ต.ค.) ซึ่งการเดินทางต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อยกสูงเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างยากลำบากเป็นทางลาดชันขึ้นลงเขาและข้ามลำห้วยเป็นระยะ ตลอดเส้นทางจึงทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล
กระทั่งเวลา 15.00 น.คณะเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางเข้าไปถึงจุดแรกที่บริเวณป่าเขาพลูหมู่ที่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค ภายในป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ซึ่งเป็นจุดที่พบขบวนรถออฟโรด จำนวน 6 คัน จากนั้นได้ปูพรมค้นหน้าหลักฐาน โดยเดินค้นหาเป็นระยะทางประมาณ 2 กม.ใช้เวลา 30 นาที พบปลอกกระสุนที่ใช้แล้วจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังพบร่องรอยของการก่อไฟเพื่อใช้ในการประกอบอาหารและห่างไปเล็กน้อยพบเศษซากชิ้นเนื้อขนสัตว์และกรามล่างของสัตว์ ไม่ทราบชนิดที่คาดว่าอาจจะเป็นหมีขอ รวมทั้งเศษกระดูกจำนวนหนึ่งกระจายอยู่รอบๆบริเวณที่ก่อกองไฟ จึงดำเนินการเก็บรวบรวมหลักฐาน เพื่อตรวจหาดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับซากหมีขอ ที่ตรวจยึดได้จากผู้ต้องหา ซึ่งจนถึงขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่ก็ยังคงตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมอยู่ในพื้นที่เนื่องจากยังไม่พบซากส่วนหัว และชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของสัตว์ ซึ่งจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการเอาผิดกับกลุ่มผู้กระทำผิดในครั้งนี้
ขณะที่ พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ลงพื้นที่ดูแลการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 11 คน โดยใช้เวลานานกว่า 5 ชม.พร้อมระบุว่า ได้สอบสวนผู้ต้องหาแล้วเสร็จไปแล้ว 6 คน โดยพบว่าไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ต้องหาในบางประเด็น ซึ่งผู้ต้องหาที่เหลือทางพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบปากคำให้แล้วเสร็จ ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 11 คนไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี โดยทางพนักสอบสวนคัดค้านการประกันตัว