วานนี้ (10 ต.ค.61) เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบคดีกลุ่มออฟโรดล่าหมีขอในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี ล่าสุด นายตาต้า (ไม่มีนามสกุล) ผู้ต้องหาคดีล่าหมีขอ แถลงข่าวว่า ผู้ร่วมขบวนออฟโรดที่เข้าพักที่สำนักสงฆ์เหมืองเต่าดำ เมื่อวันที่ 6 ต.ค. จำนวน 2 คน ได้ชักชวนให้ตนออกไปล่าสัตว์ โดยที่ผู้ร่วมชบวนคนอื่นๆ ไม่รู้ เบื้องต้นตนตั้งใจไปหากบแต่ทั้ง 2 คน บอกว่าจะนำปืนไปด้วย จากนั้นจึงออกไปล่าสัตว์ด้วยกันเวลาประมาณ 21.00 - 22.00 น.
ทั้งนี้ระหว่างหากบพวกตนได้พบอีเห็น แต่คนที่ไปด้วยยิงไม่โดน จากนั้นไปพบหมีขอ ซึ่งคนแรกยิงไปแล้ว 2-3 นัด แต่ไม่โดน ส่วนอีกคนบอกว่ายิงโดนแต่หมีขอไม่ร่วงจากกิ่งไม้ จึงส่งปืนให้ตนยิง ซึ่งตนยิงเพียงนัดเดียวหมีขอก็ร่วงลงมา ขณะที่บุคคลทั้ง 2 เป็นผู้ส่องไฟให้ยิง เมื่อถามว่าใครคือผู้ส่งปืนให้ยิง นายตาต้า กล่าวว่า ไม่รู้จัก แต่หากเห็นหน้าก็บอกได้ว่าเป็นใคร ส่วนสาเหตุที่ยิงปืนได้เพราะตอนหนุ่มเคยใช้ปืนมาก่อน
หลังจากยิงหมีขอได้แล้ว ทั้งหมดเดินทางกลับมายังกระท่อมที่สำนักสงฆ์ แล้วชำแหละเนื้อหมีขอแบ่งกัน โดยไม่ได้ประกอบอาหารที่กระท่อม ซึ่งบุคคลที่ออกไปล่าสัตว์ด้วย ขอชิ้นส่วนอุ้งตีนหมีขอ คาดว่าจะนำไปรับประทาน
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงไม่ยอมรับแต่แรกว่า รู้จักกับกลุ่มคนที่ไปพัก วันที่ 6 ต.ค. นายตาต้า ตอบว่า ไม่รู้จักบุคคลเหล่านี้จริง จึงตอบเจ้าหน้าที่ชุดแรกที่ขึ้นไปว่าไม่รู้จัก (เจ้าหน้าที่ชุดแรกลงพื้นที่วันที่ 8 ต.ค.) ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าตั้งใจจะสารภาพความจริงตั้งแต่แรก แต่เมื่อพบเจ้าหน้าที่จำนวนมากขึ้นไปตรวจสอบและถูกซักถามจึงทำตัวไม่ถูก จนวันถัดมา พระอาจารย์ที่จำวัดเดินลงมาจากเขา ตนจึงเข้าไปสารภาพกับพระอาจารย์และบอกให้พระอาจารย์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เดินทางเข้าไปล่าสัตว์และยิงหมีขอ อยู่ห่างจากสำนักสงฆ์ประมาณ 300 เมตร แต่เป็นสถานที่จำเพาะ หากนายตาต้าไม่สารภาพ ยากที่จะเข้าไปยังจุดดังกล่าวได้ถูกต้อง