กรณีคลิปเหตุการณ์ที่นายพิเศษ นาคะพันธุ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชักปืนเล็งขู่คนขับรถแท็กซี่ที่ขับตามหลังมา
พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นคดีอาญา ตำรวจดำเนินคดีได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้แท็กซี่คู่กรณีเข้าแจ้งความ เพราะมีหลักฐานสำคัญเป็นภาพจากคลิปวิดีโอ โดยขณะนี้ได้ประสานให้นายพิเศษนัดวันให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นบ้านพัก เพื่อหาปืนไปตรวจสอบว่าเป็นปืนจริง หรือปืนปลอม มีทะเบียนหรือไม่ ซึ่งนายพิเศษยินดีให้ค้นบ้านจึงไม่ต้องใช้หมายค้น
มีรายงานว่า นายพิเศษแจ้งต่อฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนช่วงบ่ายวันนี้ (18 ต.ค.) เพื่อนำปืนที่ก่อเหตุมามอบให้ตำรวจ เบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อหาคือ พกปืนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และใช้ปืนทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว
นอกจากนี้ ชุดสืบสวนยังตรวจกล้องวงจรปิดดูพฤติกรรมขับรถของทั้ง 2 ฝ่าย และสอบปากคำพยานซึ่งเป็น รปภ.ที่ศูนย์ราชการ 2 คน โดยหากพบว่าคู่กรณีมีพฤติกรรมการขับรถปาดกันไปมาก็ต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง แต่การชักปืนข่มขู่ถือว่าไม่สมควร
ส่วนคู่กรณี มีรายงานว่าตำรวจได้เบาะแสแล้ว แต่จากการตรวจสอบพบว่าผู้ครอบครองรถเสียชีวิตไปตั้งแต่ปีก่อน รถถูกไฟแนนซ์ยึด แต่ยังไม่โอนเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครอง ขณะเดียวกันตำรวจยังเร่งติดตามตัวผู้โพสต์คลิปลงบนสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
ขณะที่นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า การที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงชักปืนข่มขู่คนขับแท็กซี่ โดยอ้างว่าเกิดความโมโหจากการขับรถ และอ้างว่าทำไปเพราะป้องกันภยันตราย ไม่น่าจะเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 เพราะไม่ใช่การทำให้ตกใจกลัว ซึ่งหากลองไปขยายภาพถ้าพบว่านิ้วมืออยู่ในโก่งไกปืน อาจเข้าข่ายข้อหาพยายามฆ่า เป็นภยันตรายบนถนนสาธารณะ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
เปิดคำให้การบิ๊ก ป.ป.ช.ยกปืนขู่แท็กซี่ เหตุ"ปาดหน้า- จี้ท้าย-บีบแตร"