วานนี้ (17 ต.ค.2561) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ระดับสูง ตำแหน่ง ผอ.ส่วนฯ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คนหนึ่ง พร้อมนำหลักฐานทั้งคลิปวิดีโอ ไฟล์เสียงและเอกสารทางไลน์ ที่ผอ.คนดังกล่าวเรียกรับเงิน 2 ล้านบาทจากนักธุรกิจให้เช่ารถในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
อีกทั้งยังได้แอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มามอบให้เป็นหลักฐาน โดยมี รอง ผบก.5 กองสวัสดิการ สำนักงานกำลังพล เป็นผู้รับมอบหนังสือเอกสารหลักฐาน เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะอ้างว่า นายเอ นามสมมุติ นักธุรกิจให้เช่ารถใน อ.หัวหิน ได้นำหลักฐานมามอบหมายให้ เพื่อให้ช่วยเหลือ พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับ ผอ.คู่กรณี ต่อมา ผอ.ได้เรียกเงิน 2 ล้านบาท โดยอ้างว่านายเอมีการลักลอบเล่นการพนันสกุลเงินบิตคอยน์และฟอกเงินหลบเลี่ยงภาษี หากไม่จ่ายเงินจะต้องถูกดำเนินคดี เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้สั่งให้ดำเนินการและตรวจสอบ แต่นายเอไม่ยอมจ่ายเงินให้ตามเรียกร้อง พร้อมกับเก็บหลักฐานการสนทนาไว้ด้วย
นายอัจฉริยะยังอ้างด้วยว่า นอกจากนี้จะมีผู้บริหาร ปปง.แล้ว ยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่ ปปง.ระดับ ผอ.กองคดี มีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกเงิน 2 ล้านบาทด้วย โดยทั้งหมดยังคงปฎิบัติหน้าที่อยู่ จึงต้องการให้ ผบ.ตร.ช่วยดำเนินการตรวจสอบ และเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ด้าน พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. เปิดเผยว่า ปปง.ไม่ได้นิ่งนอนใจกับกรณีที่เกิดขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง สำนักงาน ปปง.จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ระบุว่า หากข้าราชการสำนักงาน ปปง. กระทำความผิดเอง ต้องระวางโทษเป็น 3 เท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น และหากประชาชนพบการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงาน ปปง.ได้ที่สายด่วน 1710