วันนี้ (16 พ.ย.2561) ไทยพีบีเอส ลงสำรวจระหว่างการก่อสร้างโครงการประตูระบายน้ำบ้านท่าเข็น ต.คลองแดน อ.ระโนด จ.สงขลา ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง รวมทั้งผู้ถูกเวนคืนบ้าน และที่ดินบางส่วน ได้ทยอยย้ายออกจากพื้นที่ แต่บางครอบครัวยังรอการจ่ายเงินเวนคืน ซึ่งพวกเขายอมรับว่า รู้สึกเสียดายและยังมีเรื่องกังวล โดยเฉพาะการทำมาหากินในอนาคต
ซากผนังปูนริมชายหาด บริเวณหมู่ที่ 1 บ้านท่าเข็น ต.คลองแดน อ.ระโนด จ.สงขลา หลังนี้ เป็นหนึ่งในบ้านและที่ดิน ที่ขนข้าวของย้ายออกจากบ้าน หลังตกลงเวนคืนให้เป็นของรัฐ สำหรับก่อสร้างโครงการประตูระบายน้ำบ้านท่าเข็น ของกรมชลประทาน
เช่นเดียวกับบ้านของนางพยอม กั้งโถ้ย ที่ยังรู้สึกเสียดายเพราะต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่กับลูกหลานมานานกว่า 80 ปี
ตอนเจ้าหน้าที่มาก็พูดด้วยดี บอกว่าฝั่งโน้นน้ำท่วม แต่เราไม่ได้เดือดร้อนอะไร อยู่ที่นี่ได้สบายๆ
เมื่อมีทางเลือกไม่มากนัก นางพยอมและครอบครัว จึงทำได้เพียงรอการประสานจากคณะกรรมการจัดหาที่ดินของกรมชลประทาน เพื่อรับเงินค่าเวนคืนบ้าน และที่ดินของเธอในราคาที่เหมาะสม แล้วจึงจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้ ถ้าได้เงินแล้ว ค่อยหาที่ใหม่ จะทำยังไงได้ มันเป็นเรื่องส่วนรวมด้วย
กังวลกระทบวิถีชาวเล
ขณะที่บ้านของนางสุภาวดี หลำเหบ็ญสะ ที่อยู่ถัดไป เริ่มทยอยย้ายข้าวของออกจากบ้าน หลังจากได้รับเงินกว่า 1 ล้านบาท สำหรับเวนคืนบ้านและที่ดินเนื้อที่ไม่ถึง 1 ไร่ แต่ยังคงอาศัยบ้านหลังนี้ เพราะอยู่ติดทะเล ใกล้แหล่งทำมาหากินของเธอและครอบครัว
นางสุภาวดี เล่าว่า เมื่อรัฐต้องการเวนคืนที่ดิน ก็ต้องทำตามแต่สิ่งน่ากังวลคือ โครงการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นของกรมเจ้าท่า ซึ่งจะเชื่อมต่อจากประตูระบายน้ำท่าเข็น อาจทำให้เรือประมงไม่มีพื้นที่สำหรับขึ้น-ลงเรือ รวมทั้งพื้นที่สำหรับจอดเรือด้วย
สุภาวดี บอกว่า อย่าทำเฉพาะที่ระบายน้ำอย่างเดียว ต้องดูแลการทำหากินทางทะเลด้วย ถ้าคิดแต่ว่าฝั่งบนน้ำท่วม แล้วฝั่งข้างล้างไม่มีที่ทำมาหากิน มันก็เหมือนกัน เมื่อช่วยแล้วต้องช่วยทั้ง 2 ฝั่ง เขาคิดแต่ว่าน้ำท่วมข้างบนไม่คิดว่าเรือประมงจะจอดที่ไหน เขาไม่ได้คิดตรงนี้ เขาคิดเฉพาะเรื่องประตูระบายน้ำตามโครงการของเขา
แม้ว่าผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 16 จะชี้แจงว่า มีการปรับแบบประตูระบายน้ำให้กว้างขึ้นจาก 6 เมตร เป็น 8 เมตร เพื่อให้เรือประมงของชาวบ้าน เข้า-ออกได้สะดวก แต่ชาวประมงพื้นบ้านขนาดเล็กบ้านท่าเข็นกลุ่มนี้ยังไม่วางใจ จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ
พวกเขากลับเชื่อว่า วิถีชีวิตชาวประมงบ้านท่าเข็น ที่ช่วยกันนำเรือขึ้น-ลงทะเลแบบนี้ อาจจะหายไป โดยมีโครงการประตูระบายน้ำท่าเข็น และโครงการเขื่อนป้องกันคลื่นเข้ามาแทนที่