เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2561 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เดินทางมาดูความเสียหายที่ประตูชัยในกรุงปารีส หลังกลุ่มเสื้อกั๊กสีเหลืองก่อเหตุจลาจลรุนแรงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านการขึ้นภาษีเชื้อเพลิง มีการทำลายทรัพย์สินสาธารณะในกรุงปารีส โดยผู้ประท้วง ซึ่งสวมหมวกคลุมหน้าได้จุดไฟเผารถยนต์และอาคาร รวมทั้งปล้นสะดมร้านค้าและเปิดศึกปะทะกับตำรวจ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 133 คน และถูกตำรวจจับกุมตัวไว้ได้ 412 คน
นับเป็นเหตุจลาจลในกรุงปารีสที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี และเป็นปัญหาที่ท้าทายนายมาครงมากที่สุดหลังบริหารมาได้เพียง 18 เดือน
หลังเสร็จจากการลงพื้นที่ดูความเสียหาย นายมาครงได้เรียกประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรี ท่ามกลางกระแสข่าวว่าอาจมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่หลังจากการหารือเสร็จสิ้นลง ก็ยังไม่มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน
การเคลื่อนไหวต่อต้านการขึ้นภาษีเชื้อเพลิงและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงในฝรั่งเศสโดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า เสื้อกั๊กสีเหลือ หรือเยลโลว์ เวสต์ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา และการประท้วงขยายตัวไปอย่างรวดเร็วผ่านทางโซเชียลมีเดีย มีการปิดกั้นถนนทั่วฝรั่งเศสและปิดทางเข้าห้างสรรพสินค้า รวมทั้งโรงงานและโรงกลั่นน้ำมัน
นอกจากนี้ ยังมีการประท้วงที่ได้แรงบันดาลใจจากการประท้วงในฝรั่งเศสเกิดขึ้นในหลายประเทศของยุโรป รวมทั้งในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ยุติการชุมนุม และจับกุมผู้ประท้วงที่ชุมนุมกันโดยไม่ได้รับอนุญาต