วันนี้ (20 ธ.ค.2561) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวว่ามีหญิงตั้งครรภ์หลายคนเสพยาบ้า หรือสารกลุ่มแอมเฟตามีน โดยเชื่อว่าทำให้คลอดบุตรง่าย เรื่องดังกล่าวมิได้เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารเสพติดในกลุ่มสารกระตุ้นไม่ว่าจะเป็นยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี หรือ อนุพันธ์แอมเฟตามีนใดๆ ไม่ได้ช่วยให้กระบวนการใดๆทั้งสิ้นของการคลอดบุตรง่ายขึ้นแต่อย่างใด
แต่ในทางตรงกันข้าม มีเอกสารทางวิชาการหลายฉบับทั้งใน และต่างประเทศได้ยืนยันว่า การที่มารดาเสพติดยากลุ่มแอฟตามีน หรือยาบ้าในขณะตั้งครรภ์จะเกิดอันตรายมากมากมายแก่บุตร ได้แก่ การแท้งบุตร เสียชีวิตในครรภ์หรือขณะคลอด ภาวะคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ ความผิดปกติของหัวใจ ภาวะเลือดออกในสมอง สมองตาย เซลประสาทถูกทำลาย ศีรษะเล็ก
บุตรที่คลอดจากแม่ที่ติดยาบ้า จะมีอาการติดยาบ้าด้วย จะมีปัญหาภาวะกดการหายใจ ร้องไห้ไม่หยุด กระวนกระวาย ไม่ดื่มนมตามปกติ เสี้ยงดูยาก เมื่อโตขึ้นยังมีผลต่อความผิดปกติของสมาธิ ความจำและความผิดปกติทางด้านพฤติกรรม
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์
กำชับโรงพยาบาลดูแลกลุมเสี่ยงติดยาบ้า-เหล้า
สำหรับแม่ที่เสพติดยาบ้า พบว่าประสบอันตรายหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆขณะตั้งครรภ์มากกว่าคนทั่วไปแล้ว หลังคลอดบุตรยังพบภาวะตกเลือดรุนแรงอาจถึงแก่ชีวิต มีหลายรายที่เกิดภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าอีกด้วย
นพ.สรายุทธ์ ชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวว่า ยาเสพติดทุกตัวรวมทั้งบุหรี่ และสุรา ล้วนก่อให้เกิดอันตรายและผลร้ายต่อบุตร และมาร ดาที่ตั้งครรภ์ และจากข้อแนะนำของการประชุมขององค์การสหประชาติสมัยพิเศษว่าด้วยเรื่องยา
และสารเสพติดในปี 2559 ที่ผ่านมา ได้แสดงความห่วงใยของการใช้ยาและสารเสพติดในกลุ่มเด็ก สตรีและหญิงตั้งครรภ์ไว้ว่าเป็นกลุ่มที่ควรให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ
ทั้งนี้อยากฝากไปยังโรงพยาบาลที่ดูแลกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เมื่อมารับบริการทางการแพทย์ว่ามีการใช้ยาหรือสารเสพติดหรือไม่ เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งนี้ การแพทย์ได้กำชับนพ.ชาญชัย ธงพานิช รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น ลงพื้นที่ติดตามและให้ความช่วยเหลือมารดาทั้ง 10 คนต่อไป