วันนี้ (16 ม.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยประเมินว่าจะเกิดขึ้นหนักที่สุด คือเรื่องค่าใช้จ่ายทางสุขภาพและค่าเสียโอกาสด้านการท่องเที่ยว ประมาณ 2,600-6,600 ล้านบาท ซึ่งค่าเสียโอกาสจากประเด็นสุขภาพนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากอาการเจ็บป่วยสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ และระบบทางเดินหายใจ จนต้องไปพบแพทย์หรือเข้ารับการรักษาพยาบาล ซึ่งหากพบแพทย์ 1 ครั้ง อาจต้องใช้เงินเฉลี่ยคนละ 1,000 บาท และบางส่วนใช้เงินไปซื้อหน้ากากอนามัยมาสวมใส่เฉลี่ยขั้นต่ำวันละ 22.50 บาท ซึ่งถือเป็นค่าเสียโอกาสในการจับจ่ายเพื่อการบริโภคด้านอื่น ซึ่งใน 30 วัน หากปัญหายังไม่คลี่คลาย ประชาชนอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ประเมินเป็นเม็ดเงินสูงถึงประมาณ 1,600-3,100 ล้านบาท


ส่วนค่าเสียโอกาสด้านการท่องเที่ยว เกิดขึ้นจากการที่สถานการณ์ฝุ่นละออง ทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว จากเดิมที่มีแผนจะเดินทางมายังกรุงเทพฯ ไปยังแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นของไทย กรณีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศ แต่หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายในเวลาอันรวดเร็ว อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่สามารถปรับแผนการเดินทางไปยังประเทศอื่นแทน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยจากการประเมินของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่าถ้านักท่องเที่ยวร้อยละ 1-2 หลีกเลี่ยงการเดินทางมากรุงเทพฯ จะทำให้เกิดค่าเสียโอกาสด้านการท่องเที่ยวอย่างน้อย 1,000-3,500 ล้านบาท



ทั้งนี้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัญหาฝุ่นละอองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากค่าเสียโอกาสในประเด็นสุขภาพและด้านการท่องเที่ยว เบื้องต้นอาจคิดเป็นเม็ดเงินอย่างน้อย 2,600 ล้านบาท โดยกรอบเวลาที่ใช้ในการคำนวณ คือไม่เกิน 1 เดือน ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561

