วันนี้ (23 ม.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ประกาศออกมา ตลาดหุ้นไทยขานรับทันที ปิดปรับตัวในแดนบวก แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่รอความชัดเจน โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดที่ระดับ 1,617.38 จุด เพิ่มขึ้น 15.31 จุด มูลค่าการซื้อขายกว่า 67,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง
นายภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ยอมรับว่า นักลงทุนต้องการเห็นความชัดเจนการเมืองไทย โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่จะมั่นใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น และจะเห็นเงินทุนไหลเข้าไทยเพิ่มขึ้น
เช่นเดียวกับ นายธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นประมาณ 10 จุด สะท้อนว่านักลงทุนตอบรับในเชิงบวก แม้ยังมีปัจจัยกดดันจากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 และปัจจัยเศรษฐฏิจต่างประเทศ
ขณะที่ นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่า ความชัดเจนการเลือกตั้ง จะทำให้มองเห็นนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองชัดเจนขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยเอื้อประโยชน์ในการตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจ
สิ่งที่ภาคเอกชนคาดหวัง คือต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดูแลและลดข้อจำกัดที่ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ และแก้ไขข้อกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการค้า เพราะจะทำให้ประเทศเป็นที่สนใจต่อการลงทุนจากต่างประเทศ
ผศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เชื่อว่าจะทำให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจว่าไทยได้เดินหน้าตามโรดแมปที่กำหนดไว้ คาดว่ามีเงินสะพัดจากกิจกรรมหาเสียงประมาณ 30,000 - 50,000 ล้านบาท ที่ช่วยกระตุ้น GDP ของประเทศขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 0.3 ซึ่งสิ่งที่พรรคการเมืองจะนำเสนอคาดว่าจะมี 2 เรื่อง คือ นโยบายที่จับต้องได้ ไม่เป็นประชานิยม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ขณะที่การหาเสียงของแต่ละพรรคตามพื้นที่ต่างๆ จะทำให้รับทราบถึงปัญหาและสามารถแก้ไขได้ตรงจุดมากขึ้น