นางขันทอง ดำน้อย อายุ 60 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับบริเวณที่นกอาศัยต้นไม้ใหญ่ กล่าวว่า ชาวบ้านและตนเองได้รับผลกระทบจากกลิ่นมูลนกมานานหลายเดือน ซึ่งนกดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นนกปากห่าง ซึ่งนกชนิดนี้เป็นสายพันธุ์นกสัตว์ป่าคุ้มครองขึ้นบัญชี ตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าสวงนและคุ้มครองสัตว์ป่าปี 2535 ห้ามทำร้ายหรือทำอันตราย นอกจากได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
ส่วนนกกาน้ำปากยาว นกกายางและนกแฝก ซึ่งเป็นนกกลุ่มสายพันธุ์เดียวกันกับนกปากห่างและได้รับการอนุรักษ์และคุ้มครองเช่นเดียวกัน ทำให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนกว่า 90 หลังคาเรือน อยู่ในสภาวะการดำรงชีวิตสุ่มเสี่ยง ติดเชื้อโรคจากมูลนก ดังกล่าวเนื่องจากประชากรนกผสมพันธุ์เพิ่มปริมาณมากขึ้นอย่างรวดเร็วไม่สามารถควบคุมได้
นายมานพ ฉัตรแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ ความเดือดร้อนรำคาญจากเสียงและกลิ่นมูลนก ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับชุมชนนับแสนตัว ทำให้ชาวบ้าน หวั่นวิตกด้านสุขภาพ ที่ผ่านมา ได้ประสานให้หน่วยงาน ที่รับผิดชอบเข้าแก้ไขปัญหา แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากอยู่ระหว่าง ตรวจสอบข้อเท็จจริงและประสาน หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อเร่งแก้ปัญหาให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ