วันนี้ (6 ก.พ.2562) ตัวแทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงขั้นตอนการทำหน้าที่ของอัยการ ในฐานะโจทก์ฟ้อง ฮาคีม ตามคำร้องขอของราชอาณาจักรบาห์เรน กรณีมีหมายจับข้อหา ลอบวางเพลิงเผาสถานีตำรวจบาห์เรน ปี 2555
นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ราชอาณาจักรบาห์เรน ส่งคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ 3 ธ.ค.2561 ซึ่งรายละเอียดคำร้องขอให้อัยการยื่นคำฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อพิจารณาส่งตัวกลับบาห์เรน เนื่องจาก ฮาคีม เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีอาญา ข้อหา ลอบเผาวางเพลิง สถานีตำรวจ ในปี 2555
เมื่ออัยการพิจารณาคำร้อง พบว่า ความผิดเป็นคดีอาญาที่ประเทศไทย มีกฎหมายข้อนี้เช่นเดียวกัน จึงเข้าหลักเกณฑ์การพิจารณา ตาม พ.ร.บ ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ปี 2551 โดยไม่จำเป็นต้องมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน พร้อมยืนยัน ระหว่างนี้ ฮาคีม ต้องเตรียมพยานหลักฐาน เพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการของศาลไทย
กระบวนการพิจารณาคดีนี้ จะเริ่มขึ้นภายหลังที่ ฮาคีม ยื่นคำคัดค้านคำฟ้อง ซึ่งศาลกำหนดให้ยื่นภายในวันที่ 5 เม.ย.นี้ และนัดตรวจพยานหลักฐาน ทั้งสองฝ่าย ในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ซึ่งกระบวนนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญว่า การพิจารณาคดีของ ฮาคีม จะใช้เวลายาวนานแค่ไหน
กต. ยืนยันจับ "ฮาคีม" ตามคำร้องบาห์เรน
ด้าน นายธานี ทองภักดี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจง กรณีการจับกุมตัว นายฮาคีม ว่า ได้รับการร้องขอให้จับกุมตัว ทั้งจากตำรวจสากลออสเตรเลียและจากทางการบาห์เรน
สำหรับเอกสารฉบับแรกที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับ มาจากตำรวจสากลออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหมายแดง ขอให้ทางการไทยจับกุมตัวฮาคีมไว้ชั่วคราว ซึ่งส่งมาเป็นอีเมล ที่นอกจากจะส่งให้ประเทศไทยแล้ว ตำรวจสากลออสเตรเลียยังส่งเอกสารฉบับเดียวกันไปยังประเทศบาห์เรนด้วยเช่นกัน
เมื่อทางการบาห์เรนทราบความเคลื่อนไหวของฮาคีมที่กำลังจะเดินทางมาประเทศไทยก็ได้ส่งเอกสารอย่างเป็นทางการอีกฉบับหนึ่งมายังกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อให้จับกุมตัวฮาคีมเป็นการชั่วคราว
ทางกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วพบว่า ข้อกล่าวหาของนายฮาคีมนั้น ครบกับองค์ประกอบพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ทำให้ทางการไทยต้องจับกุมตัวนายฮาคีมตามคำร้องขอของทางการบาห์เรน
แม้ว่าในเวลาต่อมา จะมีการชี้แจงว่าหมายแดงจากตำรวจสากลออสเตรเลียเป็นโมฆะ แต่ขณะนั้นคดีของนายฮาคีมได้เข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว และไม่สามารถแทรกแซงได้ อีกทั้งหมายแดงของตำรวจสากลออสเตรเลีย ไม่ใช่สาเหตุที่นายฮาคีมถูกจับ แต่เป็นเอกสารของทางการบาห์เรนที่ทำให้ไทยตัดสินใจควบคุมตัวนายฮาคีมไว้
ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาล โดยนายฮาคีมจะเดินทางไปที่ศาลอีกครั้งในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการไทยได้เสนอให้ทางการออสเตรเลียและบาห์เรนเดินทางมาพูดคุยทำความเข้าใจ เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน โดยการพูดคุยในครั้งนั้นยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่หากทางการของทั้งสองประเทศมีความต้องการจะหารือกันอีกครั้ง ทางการไทยก็พร้อมจะให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่