วันนี้ (16 ก.พ.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันลงนามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเป็นการข้ามอำนาจสภาคองเกรส เพื่อนำงบประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปใช้สร้างกำแพงกั้นสหรัฐฯ และเม็กซิโก ท่ามกลางเสียงคัดค้านอย่างหนัก
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อหยุดยั้งการลักลอบเข้าเมืองที่ส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและการค้ายาเสพติด
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ไม่พอใจที่ได้รับการอนุมัติงบประมาณเพียง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะสมาชิกสภาคองเกรสหลายคนมองว่า การสร้างกำแพงไม่ใช่เรื่องด่วน ไม่ใช่วิกฤตระดับชาติที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อดึงเงินที่ถูกกันไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเอาไปสร้างกำแพง โดยอดีตประธานาธิบดีหลายคนเคยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเรื่องที่เร่งด่วนกว่านี้ เช่น การป้องกันภัยคุกคามจากการก่อการร้าย รับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ทรัมป์จะใช้กลไกนี้เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการของบประมาณตามขั้นตอนปกติ อ้างว่าสถานการณ์ตามแนวชายแดนด้านที่ติดกับเม็กซิโกอยู่ในขั้นวิกฤต จึงจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อป้องกันผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวเป็นผู้อพยพลักลอบเข้ามาในสหรัฐฯ
แม้ประธานาธิบดีจะมีอำนาจประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ แต่กระบวนการถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดทางให้ผู้ไม่เห็นด้วยสามารถยับยั้งเรื่องนี้ได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าพรรคเดโมแครตอาจนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการทางศาล เพื่อขัดขวางการใช้อำนาจของผู้นำสหรัฐฯ และล่าสุดมีการเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงยุติธรรมเคยหารือถึงการยื่นถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง