วันนี้ (22 เม.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมควบคุมโรคเตือน 6 กลุ่มที่มีความเสี่ยงป่วยโรคฮีทสโตรกสูงกว่าคนทั่วไป จากภาวะวิกฤติร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายเป็นผลจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้เกิดอาการตัวร้อน อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นจนเกิน 40 องศาเซลเซียส หน้ามืด มึนงง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชักเกร็ง ช็อก จนถึงหมดสติ หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตได้
6 กลุ่มเสี่ยงได้แก่
- ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด
- เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี /ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง
- คนอ้วน
- ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดแอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้น มีผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อกเสียชีวิตได้
คำแนะนำการดูแลสุขภาพ ควรสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน อยู่ในพื้นที่อากาศถ่ายเท ลดหรือเลี่ยงทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงกลางแจ้งนานๆ สวมแว่นกันแดด สวมหมวกปีกกว้าง กางร่ม ควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เพื่อชดเชยการเสียน้ำในร่างกายจากเหงื่อออก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและไม่ทิ้งเด็ก ผู้สูงอายุหรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดไว้กลางแจ้ง เนื่องจากอุณหภูมิภายในรถจะสูงกว่าภายนอก
สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ได้รับผลกระทบจากอากาศร้อน อย่างในสุนัขจะมีอาการหอบ หายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือดูจากสีเยื่อเมือก ที่ปกติจะเป็นสีชมพู แต่หากเกิดภาวะนี้เยื่อเมือกจะเป็นสีแดงขึ้น แล้วจะเห็นได้ชัดว่าน้ำลายจะเหนียว จากการขาดน้ำ ถ้าเป็นหนักๆ สุนัขอาจจะถึงขั้นช็อก หรือขั้นร้ายแรงสุด อาจตายได้ ส่วนวิธีป้องกันนอกจากการเปิดแอร์ให้สุนัขแล้ว อาจพาสุนัขแช่น้ำ แต่หากเป็นแมวจะไม่ยอมแช่น้ำ ให้ใช้วิธีนำผ้าชุบน้ำเอาไปกางที่กรงที่แมวอยู่ แล้วเปิดพัดลมทะลุผ้า จะทำให้สัตว์เลี้ยงเย็นขึ้น