เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก องค์กรคาฟลาโอเวด ได้เผยแพร่รูปภาพ พร้อมข้อความระบุว่า ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินแจ้งว่ามีแรงงานไทยที่ทำงานบริเวณใกล้เขตฉนวนกาซาคอย ในวันนี้ถูกลูกหลงจากเหตุโจมตีในสงครามอิสราเอลและกาซาจนได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากนายจ้างนิ่งนอนใจ ไม่ได้สั่งห้ามออกไปทำงาน ทั้งๆ ที่หน่วยงานของรัฐได้ออกประกาศเตือนให้แรงงานในพื้นที่เสี่ยงภัยงดเว้นจากการออกไปทำงาน
พร้อมแจ้งเตือนให้แรงงานไทยติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยและหากแรงงานไทยคนใดเห็นประกาศสั่งหยุดงานแต่นายจ้างยังคงบังคับขู่เข็ญ สามารถร้องเรียนมาได้ที่เฟซบุ๊กขององค์กร องค์กรคาฟลาโอเวดด้วยการแจ้งพิกัดที่ทำงาน รายละเอียดของนายจ้าง และภาพถ่ายขณะทำงานให้องค์กรด้วย
แม้ทางการอิสราเอลจะประกาศให้หยุดงาน หลังสถานการณ์สงครามในอิสราเอลทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่วันนี้ (7 พ.ค.) นายอิทธิพล พุทธจักร พร้อมด้วยแรงงานชาวไทย เวียดนาม และเนปาล กว่า 30 ชีวิต ยังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำงานท่ามกลางเสียงระเบิด
นายอิทธิพล เล่าให้ไทยพีบีเอสออนไลน์ฟังว่า นายจ้างยังคงให้พวกเราทำงานในระหว่างสงคราม ที่มีเสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณตลอดเวลา แรงงานชาวไทย เนปาล และเวียดนาม ประมาณ 30 คน ต้องออกไปทำงาน โดยไม่หยุด
ระหว่างทำงาน จรวดขีปนาวุธ ยิงเสียงดังมาก บางทีก็ช่วยกันตะโกนให้หมอบลงบ้าง นั่งก้มหัวลงบ้าง เพื่อช่วยกันรักษาชีวิตไว้ ในวันที่เกิดเหตุคนไทยได้รับบาดเจ็บ ผมกลัวมาก กลัวว่าจะไม่ได้กลับไปเจอหน้าคนที่บ้าน
นานอิทธิพล ยังระบุอีกว่า แรงงานไทยส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่เริ่มคุ้นชินกับเหตุการณ์เหล่านี้ หลายคนทำตัวเหมือนอยู่ในสถานการณ์ปกติ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะถ้ามาแล้วก็ต้องทำงาน แต่ส่วนตัว คิดว่ามันเสี่ยงชีวิตมาก
การทำงานท่ามกลางการรบในสงครามระเบิดบนอากาศ ที่จริงแล้วตามกฎหมายนายจ้างต้องให้หยุดงาน แต่ที่นี่พวกเรายังคงต้องก้มหน้าทำงานต่อไป
แรงงานชาวไทยคนนี้ ย้ำว่า หากเป็นไปได้ไม่ต้องการมาทำงานที่อิสราเอล แต่ต้องมาเพื่อปากท้องของคนในครอบครัว เพราะปัญหาเงินทอง เศรษฐกิจไม่ดี จึงต้องมาที่อิสราเอลแม้สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก
ไม่ใช่ครั้งแรก! แรงงานไทย เหยื่อสงครามอิสราเอล
มีเรียม อนาติ เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานภาคการเกษตรในอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสออนไลน์ ว่า เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หน่วยงานด้านความมั่นคงส่วนหน้าของอิสราเอล (Home Front Command) จะออกประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยผ่านเว็บไซต์ พร้อมแนะนำวิธีการปฏิบัติตนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม แต่น่าเสียดายที่ประกาศเหล่านั้นมักเป็นภาษาฮีบรูเท่านั้น
เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา มีประกาศไม่ให้แรงงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจากการโจมตีออกไปทำงานในที่โล่งแจ้งโดยพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากการโจมตี ได้แก่ ลาคิช (Lachish) เนเกฟตอนกลาง (Central Negev) พื้นที่ทางตอนใต้ (Southern Coast) ติดฝั่งกาซา
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มีนายจ้างไม่เคารพและปฏิบัติตามคำสั่งนี้ เราได้รับข้อมูลจากคนงานไทยหลายกลุ่มว่าพวกเขาถูกส่งไปทำงานในไร่ แม้จะมีคำสั่งของทางการออกมา
ส่งผลให้ นายไชยา มหาโคตร แรงงานชาวไทยได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด ซึ่งขณะนี้เขากำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและทางองค์กรได้รับแจ้งว่าเขาปลอดภัยแล้ว แต่นายไชยา ไม่ใช่ผู้บาดเจ็บรายแรกจากเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อเดือน ส.ค.2561 นางจันทร์เพ็ญ แซ่จ๋าว แรงงานชาวไทยอีกคนก็ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาเช่นกัน
มีเรียม ยังระบุอีกว่า รัฐบาลไทยควรร้องเรียนเจ้าหน้าที่อิสราเอลเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นวานนี้ และเจรจาให้ทางการอิสราเอลดำเนินการกับนายจ้างที่ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บัญชาการทหารสูงสุด
อุบัติเหตุเมื่อวานนี้อาจจบลงด้วยโศกนาฏกรรมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยควรประสานให้รัฐบาลอิสราเอลแปลประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยผ่านเว็บไซต์เป็นภาษาไทย เนื่องจากมีแรงงานไทยทำงานทั่วอิสราเอล โดยเฉพาะในพื้นที่รอบๆ กาซาซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากการยิงขีปนาวุธ
แรงงานไทยหลายพันคนต้องทำงานและใช้ชีวิตท่ามกลางความอันตราย จึงควรช่วยเหลือให้พวกเขาสามารถตรวจสอบประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยได้ด้วยตัวเองโดยตรงตลอดเวลา และไม่ต้องพึ่งพานายจ้างหรือหน่วยงานเอกชนเพื่อความปลอดภัยในกรณีดังกล่าว
ทั้งนี้ สำหรับแรงงานไทยคนใดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยแต่ยังถูกบังคับให้ออกไปทำงาน สามารถส่งข้อความแจ้งองค์กรคาฟลาโอเวดผ่านทางเฟซบุ๊กหรือโทรแจ้งศูนย์ TIC ได้ที่เบอร์ 1700707889 หรือเว็บไซต์ https://www.cimi.org.il/thai-info
ล่าสุด วันนี้ ตั้งแต่เวลา 04.30 น. มีการประกาศข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งหมายถึงสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว แต่แรงงานไทยอีกหลายชีวิตยังคงหวาดหวั่น เนื่องจากไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุรุนแรงเช่นนี้อีกเมื่อใด