วันนี้ (21 พ.ค.2562) เครือข่ายภาคประชาชน 11 องค์กรจัดกิจกรรม “เดินเพื่อผู้ป่วย :กัญชารักษาโรค” โดยการเดินเท้าจากวัดป่าวชิรโพธิญาณ จ.พิจิตร ไปถึงวัดบางปลาหมอ จ.สุพรรณบุรี รวมระยะทาง 268 กิโลเมตร โดยระหว่างทางจะมีเวทีบรรยายพิเศษ และเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบายกัญชารักษาโรค โดยมีวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ เข้าร่วมจำนวนมาก
นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ กล่าวว่า เป้าหมายหลักในการเดินครั้งนี้มีด้วยกัน 3 ประการ ประเด็นคือ ต้องการปรับเปลี่ยนกฎหมายปัจจุบันให้ดีขึ้น เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ แม้จะผ่อนผันให้ทำยาได้แต่ขอบเขตจำกัดมาก ทำให้การผลิตและแจกจ่ายเข้าถึงผู้ป่วยได้น้อย อย่างกรณีที่ตนดำเนินการอยู่ทำอย่างเต็มที่ก็สามารถแจกจ่ายได้ไม่เกิน 10,000 คนต่อปี
มีผู้ป่วยที่ต้องการใช้ยาชนิดนี้ 800,000-2,000,000 ล้านคนในอนาคตน่าจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 10,000,000 ล้านคน จึงควรปรับกฎหมายเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงสมุนไพรชนิดนี้มากขึ้น โดยแยกกัญชาออกจากกฎหมายยาเสพติดก่อน
ภาพ : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
เดินหน้าปลดล็อกกัญชารักษาโรค
นายเดชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ต้องการให้ข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณชนก่อนว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่เป็นยารักษาโรค การใช้ที่ถูกต้องจะเป็นประโยชน์มากโดยเฉพาะการรักษา แก้ปัญหาสุขภาพซึ่งมีราคาถูก สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มาก โดยเฉพาะลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและสุดท้าย ระดมทุนบริจาคเพื่อผลิตยาสำหรับแจกฟรี หากยังทำไม่ได้มากก็ใช้ทุนก้อนนี้ในการรณรงค์
ในการปรับกฎหมาย เป็นครั้งแรกที่จัดกิจกรรม ซึ่งการจัดครั้งเดียวอาจไม่เพียงพอ เพียงแต่เป็นการเริ่มต้น มีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องให้ความรู้โดยการอบรม จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายอาจต้องใช้เวลาหลายปี
จากที่ศึกษาเรื่องกัญชามา 6 ปี เริ่มจากทดลองใช้กับตัวเองก่อน แล้วใช้กับลูกศิษย์ สุดท้ายใช้กับสาธารณชน พบว่ากัญชามีประโยชน์มาก จึงต้องการให้ทุกคนเข้าถึงกัญชาอย่างทั่วถึง อยากให้ทุกคนปลูก และสกัดได้เพื่อรักษาตัวเอง
ส่วนในระดับชุมชนอยากให้มีการแจกจ่ายฟรีสมุนไพรชนิดนี้ กับผู้ป่วยทุกอำเภอ คือมี 1 วัดในทุกอำเภอแจกจ่ายอย่างทั่วถึง เราอาจใช้พื้นที่ปลูกกัญชาอำเภอละ 10 ไร่ คาดว่ามีผู้ป่วยอำเภอละไม่เกิน 3 หมื่นคน หากทำได้ระบบสาธารณสุขในบ้านเราจะดีขึ้นดีกว่าต้องพึ่งระบบสุขภาพของรัฐและเอกชนอย่างเดียว
ภาพ : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ชวนชาวบ้านร่วมกิจกรรมเส้นทางพิจิตร-สุพรรณบุรี
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า ประชาชนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้ โดย1.เข้าร่วมกิจกรรมเดินรณรงค์ตามเส้นทางที่ได้ประกาศ แม้ขณะนี้จะปิดรับลงทะเบียนทางเพจเฟซบุ๊กแต่สามารถลงทะเบียนได้ที่หน้างาน 2.เข้าร่วมฟังบรรยายเสวนาตามกำหนดการในเส้นทางแวะพัก ส่วนช่องทางที่ 3 บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการผลิตยาแจกจ่ายแก่ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นและไม่สามารถเข้าถึงยาได้
นอกจากนี้ลงชื่อสนับสนุนการปลดกัญชาออกจากยาเสพติดเพื่อการแพทย์ เรียกร้องให้แก้กฎระเบียบและกฎหมาย เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยากัญชาและหมอพื้นบ้านสามารถปลูก ปรุง และแจกจ่ายยาได้โดยปราศจากอุปสรรค และ 5.ลงชื่อเข้าร่วมโครงการวิจัยน้ำมันกัญชาเพื่อการรักษา และ 6.ร่วมแชร์ข้อมูลและข่าวสาร เดินเพื่อผู้ป่วยเพื่อสร้างความรู้และพลังซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงได้ทางเพจเฟซบุ๊ก เดินเพื่อผู้ป่วย cannabis walk Thailand เพจปฏิวัติกัญชา เพจไบโอไท เพจมูลนิธิข้าวขวัญ เพจมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ เพจธรรมธุรกิจ และเพจขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน
ภาพ : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
สำหรับประกาศเจตนารมณ์ "เดินเพื่อผู้ป่วย : Cannabis Walk Thailand" มาจากการมารวมตัวกันของประชาชน เดินเพื่อผู้ป่วย ปลดกัญชาออกจากยาเสพติดเพื่อการแพทย์ ณ วัดป่าวชิรโพธิญาณ จ.พิจิตร มุ่งหน้าสู่วัดบางปลาหมอ จ.สุพรรณบุรี คือการประกาศว่าการใช้ยากัญชาเพื่อเยียวยารักษาการป่วยไข้. เป็นสิทธิและศีลธรรมขั้นพื้นฐาน ซึ่งสืบทอดมายาวนานกว่า 300 ปี ดังปรากฎหลักฐานในตำราโอสถพระนารายณ์
การเดินเพื่อผู้ป่วย คือการประกาศอิสรภาพของประชาชน ให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถืงยาจากกัญชา และหมอยาพื้นบ้านตลอดจนบุคคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขสามารถปลูก ปรุง และแจกจ่ายยากัญชาได้โดยปราศจากกฎระเบียบและกฎหมายขัดขวาง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ขยายเวลา! 4 โมงครึ่งเย็นนี้ โค้งสุดท้ายนิรโทษกรรมกัญชา
คิวแน่น ผู้ป่วยแจ้งครอบครองกัญชาวันสุดท้าย