วันนี้ (5 มิ.ย.62) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์นอกสภา ก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมเป็นนายกฯแห่งการเปลี่ยนแปลง พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความจริง ในสังคมไทยยังมีปัญหาอีกมาก ทั้งปัญหารากฐานและปัญหาเฉพาะตัว โดยตนเองได้ลงพื้นที่หาเสียงและเดินทางไปทั่วประเทศ พบเห็นคนส่วนใหญ่ในประเทศยังอยู่ในความลำบากยากจน
รวมถึงตัวเลขจีดีพีของประเทศไม่ได้สะท้อนความเป็นอยู่ที่แท้จริง ซึ่งยังมีช่องว่างคนรวยและคนจนที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ การจะแก้ปัญหาต้องมองด้วยความเป็นจริง ที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ทั้งเศรษฐกิจและการเมืองที่มีความเกี่ยวข้องกัน ยกตัวอย่างทุนผูกขาดที่ต้องแก้ไขระบบอุปถัมป์ ใช้เงินภาษีเพื่อแก้ปัญหาประเทศได้อย่างไรหากยังผูกขาดรัฐราชการที่ศูนย์กลาง นอกจากนี้ยังต้องต้องมองความเป็นจริงของสังคมโลก สงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจ สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ไกลตัว การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบทั้งเจ้าของกิจการ ลูกจ้าง การลงทุน ผู้นำต้องมีความจำเป็นที่ต้องรู้เท่าทันสังคมไทย สังคมโลก รู้เท่าทันเทคโนโลยี
ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง กล้าฝัน กล้าเผชิญความเป็นจริง สิ่งที่เราเผชิญอยู่ไม่ใช่สงคราม แต่เรากำลังเหมือนกบที่ถูกต้มอยู่ในน้ำที่ค่อย ๆ ร้อนขึ้น กว่าจะรู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงแค่ไหนก็สายไปแล้ว หนี้สินครัวเรือนขยับสูงขึ้น มีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้น้ำจะยังไม่เดือดแต่น้ำก็ร้อนขึ้นทุกที หากรอน้ำเดือดเสียก่อนก็สายไปแล้ว
นายธนาธรกล่าวเพิ่มเติมว่า จำเป็นต้องแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ทางออกที่ชัดเจนต้องเผชิญหน้าปัญหาเชิงโครงสร้าง กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ต้องกล้าชน กล้าเป็นปากเสียงของประชาชนอย่างตรงไปตรงมา เพราะหลายปัญหาสะสมยาวนานกว่า 10 ปี ต้องยืนยันในสิทธิของผู้ที่เสียเปรียบ ทำอย่างรอบคอบรัดกุม ไม่ใช่เพียงความรู้สึก ผู้นำที่ดี ผู้นำคนต่อไปของประเทศ จำเป็นต้องรู้ทันเทคโนโลยี นำประสบการณ์จากต่างประเทศมาปรับใช้ในไทย เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงที่ฝันเป็นจริงได้
ผมจะเป็นนายกฯ ที่นำประเทศไทยไปข้างหน้า ผมเกิดในยุคที่เกาหลีใต้พัฒนาเท่ากับไทย แต่วันนี้ประเทศญี่ปุ่นไปไกลกว่าเรามากแล้ว และไทยกำลังเผชิญกับยุคที่ประเทศที่เคยเท่ากับเราแซงหน้า ทั้งเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน ผมได้ยินตั้งแต่เล็กจนโตว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ถึงเวลาที่ไทยจะเป็นประเทศโลกที่ 1 กระจายความมั่งคั่ง มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง และปรับแต่งเอกลักษณ์ของไทยให้เป็นสากล
นายธนาธรกล่าวเพิ่มเติมว่า ผมต้องการสร้างประเทศไทยที่ทุกคนเท่าเทียมกันและเท่าทันโลก ความเท่าเทียมเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทำให้เราแสดงศักยภาพออกมาได้ ต้องยืนยันในสิทธิของความเท่าถึงอย่างเท่าเทียม ยกระดับบริการภาครัฐให้เท่าเทียมประเทศพัฒนาแล้ว จะดีเพียงใดที่คนรุ่นเรา ส่งต่อประเทศที่เท่าเทียมกัน และไม่มีรัฐประหารอีกให้แก่ลูกหลานของเรา การรัฐประหารมีแต่จะทำให้ไทยไปสู่ทางตัน
ยืนยันจะทำงานภายใต้หลักการประชาธิปไตย เปลี่ยนแปลงผ่านกลไกรัฐสภา การที่ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขควบคู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน ผมจะทำให้รัฐสภาได้รับความศรัทธาจากประชาชนอีกครั้ง ผมพร้อมเป็นนายกฯ แห่งความเป็นจริง ที่นำประเทศไทยไปข้างหน้า