นางสมใจ สาระพงษ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้การตัดหญ้าข้างคันนาแทนการแทนฉีดสารเคมี ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการลดต้นทุนทำนา วิธีนี้ประหยัดไปได้ถึง 100 บาทต่อไร่
นางสมใจกล่าวเพิ่มเติมว่าลงทุนทำนา 100 กว่าไร่ ด้วยจำนวนเนื้อที่มากเเต่ละครั้งใช้เงินนับเเสนบาทโดยต้องจ้างตั้งแต่ปรับหน้าดิน หว่าน ไถ เพื่อให้ทันน้ำ และเมื่อต้นข้าวโตจนถึงเก็บเกี่ยว และรวมกับค่าเช่านา ต้นทุนต่อไร่ทั้งหมดอยู่ที่ราว 4,000 - 4,500 บาท
เมื่อเราทำก็ต้องทำให้คุ้มกับเวลา ถ้าทำน้อยเราก็เหลือน้อย เราก็จะไม่ได้อะไรเลย เพราะเราทำแต่อาชีพทำนา มันก็ต้องทำให้เยอะมันถึงจะเหลือ
ขณะที่นายทศ บุญประคอง ชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งทำนาเช่ากว่า 40 ไร่ และด้วยอายุที่มากขึ้นพื้นที่กว่าครึ่งต้องจ้างแรงงาน เพราะลูกหลานไปทำอาชีพอื่นที่มีรายได้มากกว่า ซึ่งก็จะยึดอาชีพทำนาไปจนกว่าจะทำไม่ไหว เเละก็อยากให้ราคาข้าวปรับตัวดีขึ้นกว่านี้
เพราะต้นทุนมันน้อย มันไม่ได้ช่วยทั้งหมด ถ้าราคาจะได้ทั้งหมด หากเรามีข้าว 40 เกวียน ก็คือ 40 เกวียนทั้งหมด ถ้าเขาช่วยต้นทุนก็ช่วยแค่ 20 ไร่ หรือแค่ครึ่งเดียว มันก็ไม่พอ
ด้านนายธีรสินทร์ ธนชวโรจน์ เลขาธิการสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย บอกว่า ขอให้รัฐบาลทำตามสัญญาที่หาเสียงไม่เพียงแค่ของพรรคร่วมพรรคใดพรรคหนึ่ง และต้องการให้การดูแลราคาข้าวเป็นไปตามกลไกตลาด ไม่มีนโยบายที่เสี่ยงต่อการทุจริตซึ่งไม่ว่าจะเป็นจำนำข้าว
เกษตรกรเคยเจอทั้งนโยบายรับจำนำข้าว นโยบายประกันราคา ซึ่งทั้ง 2 นโยบายไม่ตอบสนองและมีกระบวนการที่จะทุจริตได้ เกษตรกรรับรู้แล้วไม่ต้องการแล้ว ต้องการแค่นโยบายอย่างเช่น แผนการผลิตข้าวครบวงจรที่รัฐบาลกำลังสนับสนุนซึ่งที่ทำให้ห่วงโซ่ทุกห่วงโซ่ของข้าวเป็นไปตามกลไกตลาด แล้วก็ไม่มีปัญหาในระยะยาว