สถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ยังคงวิกฤต

ประชาชนในจ.ปราจีนบุรีหลายหมื่นครอบครัว ต้องบริโภคน้ำประปาที่มีรสเค็ม หลังได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน เช่นเดียวกับเขื่อนขนาดใหญ่หลายแห่ง เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต้องงดและปรับเปลี่ยนเวลาการจ่ายน้ำ เนื่องจากไม่มีฝนตกลงมาเติมน้ำในเขื่อน

วันที่ (18 มิ.ย.2558) โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดงที่จ.กำแพงเพชร ลดการปล่อยน้ำให้เกษตรกรในจ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร และจ.นครสวรรค์ หลังระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลเหลือน้อยและในขณะนี้เขื่อนขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระบายน้ำได้ไม่เกินวันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร เช่นเดียวกับที่เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก เหลือน้ำเพียงร้อยละ 7.32 ของความจุเขื่อน

ส่วนที่จ.พิจิตรชลประทานปรับเปลี่ยนเวลาการปล่อยน้ำ จากเดิมปล่อยน้ำ 14 วัน หยุด 14 วัน เปลี่ยนไปเป็นปล่อยน้ำ 11 วัน หยุดปล่อย 21 วัน และฝากเตือนเกษตรกรให้ชะลอการปลูกข้าวออกไปก่อนชาวสวนลำไยที่จ.ลำพูน ต้องวางท่อน้ำเข้าสวนลำไย หลังสวนลำไยกว่า 2,500 ไร่ กำลังขาดแคลนน้ำส่วนที่เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา ประกาศงดจ่ายน้ำไม่มีกำหนดหลังปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือเพียง 60 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 19 ของความจุเขื่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในการผลิตน้ำประปาในเขตเทศบาลนครนครราชสีมาและอีก 5 อำเภอ ขณะที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวายจ.มหาสารคาม ลดปริมาณการปล่อยน้ำ หลังเขื่อนอุบลรัตน์เหลือน้ำเพียง 800 ล้านลูกบาศก์เมตร

ขณะที่ปัญหาน้ำทะเลหนุนกำลังส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายหมื่นครอบครัวในจ.ปราจีนบุรี เนื่องจากการผลิตน้ำประปาที่ต้องใช้แหล่งน้ำดิบในแม่น้ำปราจีนบุรี มีค่าความเค็มสูง เจ้าหน้าที่การประปาต้องใช้น้ำดิบสำรองผสมเพื่อลดค่าความเค็ม ส่งผลให้ประชาชนในขณะนี้ต้องบริโภคน้ำกร่อย ส่วนชาวนาที่จ.อ่างทองและจ.ฉะเชิงเทรา นาข้าวหลายร้อยไร่ในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรากำลังยืนต้นตาย ขณะเดียวกันบ้านที่ตั้งอยู่ในต.บ้านโพธิ์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เกิดทรุดตัวเป็นแนวยาวหลายสิบเมตร เจ้าหน้าที่ประกาศเป็นพื้นที่อันตรายและห้ามกลับเข้าไปอยู่อาศัยแล้ว