วันนี้ (15 ส.ค.2562) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้เดินทางมามอบนโยบายที่กระทรวงพลังงาน โดยระบุถึงแผนพลังงาน 20 ปี เช่น กรณีแผนพัฒนาไฟฟ้า (PDP) ก็ต้องมีความยืดหยุ่นจากกรณีพลังงานทดแทนมีบทบาทมากขึ้น แต่ต้องคำนึงถึงความมั่นคง และในกรณีผลกระทบทางเศรษฐกิจก็อยากให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเงิน 30,000 ล้านบาท มาช่วยลดค่าครองชีพประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้อย่างไร เพราะช่วงราคาน้ำมันลดลงกองทุนฯ คงจะอุดหนุนลดลงกองทุนฯ มีกว่า 30,000 ล้านบาทไปฝากดอกเบี้ยต่ำคงไม่มีประโยชน์
นอกจากนี้ นายสมคิดยังสั่งการให้ กลุ่ม ปตท.เดินหน้านโยบายรัฐบาลในการดำเนินโครงการปุ๋ยสั่งตัดช่วยเหลือเกษตรกรด้วย ซึ่งหาก ปตท.ไม่เชี่ยวชาญ ก็ควรเชิญนักลงทุนหรือผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาร่วมทุนหรือร่วมดำเนินการ กรณีนี้ไม่ถือว่าเป็นการแย่งตลาดปุ๋ยจากเอกชน เพราะเน้นปุ๋ยสูตรที่จำเป็นเพื่อลดต้นทุนเกษตรกรเท่านั้น รวมทั้งให้ทำห้องเย็น เก็บผลไม้ทั้งที่ภาคใต้ และภาคตะวันออกให้ยาวนานเพื่อลดปัญหาราคาตกต่ำ
ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ขณะนี้ ปตท.กำลังวางแผนทำทั้ง 2 เรื่อง แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เบ็ดเสร็จ หากสร้างห้องเย็นแล้วไม่มีช่องทางจำหน่ายในอนาคตจะทำอย่างไร ส่วนปุ๋ยสั่งตัดขณะนี้ก็กำลังทดลองหลายพื้นที่ และใช้ผลพลอยได้จากปิโตรเคมีในกลุ่ม ปตท.มาผลิตและจะใช้เอนไซม์ หรือส่วนผสมอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยร่วมมือกับกรมที่ดินในการพัฒนาปุ๋ยสั่งตัดให้เหมาะสมกับพื้นที่ด้วย