วันนี้ (20 ส.ค.2562) ภายหลังที่ศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต ในความผิดฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่รอลงอาญานั้น
นายธวัชชัย พิทยโสภณ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ลักษณะความผิดที่จะเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามการเป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้องเป็นความผิดที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ การทุจริต ฉ้อโกง หรือเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารงานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้เข้าลักษณะดังกล่าว
อย่างไรก็ดี การกระทำความผิดกฎหมายอื่น คงต้องเป็นการพิจารณาว่าเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมหรือแนวทางธรรมาภิบาลของบริษัทหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทและผู้ถือหุ้นควรจะพิจารณาแนวการดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า แม้ กบข.และพันธมิตร นักลงทุนสถาบัน 32 แห่ง ประกาศจะระงับลงทุนเพิ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งกรณีของนายเปรมชัย อาจไม่เข้าข่ายเงื่อนไขดังกล่าว
แต่ กบข.และพันธมิตรแต่ละแห่งสามารถพิจารณาความเหมาะสม เกี่ยวกับพฤติกรรมความผิดผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ส่งผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลหรือไม่ เพื่อเปิดกว้างให้นักลงทุนสถาบันแต่ละแห่งใช้ดุลพินิจ และกดดันให้บริษัทจดทะเบียนแก้ไขปัญหา แต่หากบริษัทจดทะเบียนยังคงละเลยอาจระงับการลงทุนไม่น้อยกว่า 3 เดือน