วันนี้( 21 ส.ค.2562) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบประกันราคาข้าวเปลือก ฤดูกาลผลิต ปี 62/63 โดยประกันราคาข้าว 5 ชนิด ที่ความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่
- ข้าวเปลือกเจ้า กำหนดราคาประกัน ที่ตันละ 10,000 บาท
- ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 12,000 บาท
- ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 15,000 บาท
- ข้าวหอมนอกพื้นที่หรือข้าวหอมจังหวัด ตันละ 14,000
- ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท
พร้อมกำหนดเงื่อนไข ไม่รับประกันข้าวอายุสั้นจำนวน 18 สายพันธุ์ หรือพันธุ์ข้าวที่มีอายุการปลูกน้อยกว่า 100 วัน เพื่อควบคุมคุณภาพและปริมาณผลผลิตในโครงการ โดยกำหนดจำนวนไม่เกิน 40 ไร่ ต่อครัวเรือน รวมวงเงินที่ใช้ประกัน 21,000 ล้านบาท
โดยที่ประชุมยังมอบหมายให้หารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อดูแลกรอบวินัยการเงินการคลัง และจะต้องไม่ให้เกิดผลกระทบ เพราะต้องดูแลพืชเศรษฐกิจอื่นอีกหลายชนิด
นอกจากนี้ นบข.เห็นชอบข้อเสนอของ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการดูแลต้นทุนการผลิต การปลูกข้าวนาปี ด้วยการชดเชย ปรับปรุงคุณภาพข้าว 500 บาทต่อตัน ไม่เกิน 20 ไร่ ต่อครัวเรือน คาดว่าช่วยเหลือชาวนาได้ 3.9 ล้านราย
สำหรับการชดเชยเงินส่วนต่าง จะให้มอบหมาย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ชดเชยเงินส่วนต่างระหว่างราคาตลาดกับราคาประกันของรัฐบาล พร้อมเตรียมเสนอ ครม. ในวันอังคารที่ 27 สิงหาคมนี้ พร้อมกับการประกันราคาปาล์ม
ขณะที่นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย บอกว่า มาตรการที่หารือ ครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือระยะสั้นแต่ รัฐบาลต้องหาแนวทางช่วย กลาง ยาว เพื่อพัฒนาปรับปรุงคุณภาพข้าว เพื่อแย่งตลาดกลับคืนมาโดยเร็ว
รัฐบาลต้องทวงคืนตลาดข้าวในอิรักและอิหร่าน จากเดิมไทยส่งออก 7-8 แสนตันต่อปี แต่พอมีข่าวเรื่องคุณภาพข้าวในสต็อก เสียหาย จึงเปลี่ยนจากซื้อไทยไปซื้อจากเวียดนามและประเทศอื่น แม้ข้าวประเทศอื่นจะสูงกว่าราคาไทยก็ตาม
พร้อมเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ต้องไปโรดโชว์ ดึงตลาดกลับมา รวมทั้งตลาดจีน ซึ่งเคยทำสัญญาซื้อข้าวจากไทย 2 ล้านตันส่งไปแล้ว 1.7 ล้านตัน เหลืออีก 3 แสนตัน ต้องหาแนวทางส่งออกไปจีนในส่วนที่เหลือให้ได้ เพื่อช่วยดึงราคาข้าวในประเทศให้สูงขึ้น