“From Sinister to Minister” (จากคนบาปสู่รัฐมนตรี) บทความของสื่อต่างชาติ ขยี้แผลเก่าจากชนักปักหลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื้อหาหลายประเด็นขัดแย้งกับที่เจ้าตัวแถลงต่อหน้าสื่อมวลชนไทย เมื่อ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา แถมข้อมูลการอ้างตัวเป็นบอดี้การ์ดของ “บุคคลสำคัญ”
ตั้งแต่เข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ดูเหมือนเขาจะรับไม้ต่อจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับบทบาท “สายล่อฟ้า” ด้วยภาพลักษณ์ท้าชนและประวัติชีวิตโชกโชน ทั้งงานทหาร การเมือง ธุรกิจขนาดใหญ่หลากหลายสาขา รวมถึงมีฐานเสียงในจังหวัดพะเยาบ้านเกิด ซึ่งเจ้าตัวยังต้องออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา “มาเฟีย” หรือ “นักเลง”
มือประสาน 10 พรรค
แต่ชายคนนี้ไม่ได้มีแค่ไม้แข็ง เขาคือคนที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เรียกว่า “พี่นัท” และ “คนเดียวในพรรคพลังประชารัฐที่คุยด้วยได้” บทบาทมือกาวประสาน 10 พรรค 10 ส.ส.ให้เข้าร่วมรัฐบาล ออกเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 และแม้ห้วง 2 เดือนที่เริ่มงาน จะเกิดศึกภายในมากมาย แต่ “พี่นัทของน้องเต้” ก็เข้ามาระงับเหตุได้ไม่น้อย
อย่างกลุ่ม 10 พรรค 10 ส.ส. ออกอาการไม่พอใจ หลังพลาดทั้งตำแหน่งรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง รวมถึงประธานคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ท่ามกลางภาวะ “เสียงปริ่มน้ำ” ที่พวกเขาคิดว่าการรวมกลุ่มจนมีถึง 10 เสียง น่าจะได้อะไรบ้าง แต่ ร.อ.ธรรมนัส ผู้เปรียบตัวเป็น “คนเลี้ยงลิง” และไปเจรจาด้วยมือเปล่าหลายครั้ง ก็ยังทำให้ทุกพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อไป
รวมถึงการพา ส.ส.พลังประชารัฐ ไปขออภัยนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต่อหน้าสื่อมวลชน ทั้งที่ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อน ยังออกมาเปิดโปงเรื่องเงินซื้อตำแหน่งในกระทรวง 600 ล้านบาทอยู่เลย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสายสัมพันธ์ของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ธรรมดา ตั้งแต่นายทหารผู้กว้างขวางอย่าง พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต สู่บริษัทในกลุ่ม 5 เสือกองสลากฯ บริษัทรักษาความปลอดภัย “ธรรมนัส การ์ด” และอีกหลากหลายธุรกิจ รวมถึงการเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 25 ทำให้เขามีพี่น้อง มีเพื่อนและพ่อเพื่อน ทั้งนักการเมืองระดับชาติ ข้าราชการระดับสูง และกลุ่มธุรกิจเอกชน ไม่เว้นแม้แต่อดีตแกนนำพรรคในเครือข่าย “ไทยรักไทย” อย่างนายพิเชษฐ สถิรชวาล และ พ.ต.อ.สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ด้วย
โดดเดี่ยวเคลียร์ปมร้อน
แต่หลังสงบศึกให้คนอื่นมาหลายครั้ง คราวนี้ ร.อ.ธรรมนัส ต้องแก้ปัญหาจากอดีตของตัวเองท่ามกลางบรรยากาศโดดเดี่ยว เมื่อทั้งหัวหน้ารัฐบาลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายฯ ฝ่ายกฎหมาย บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าให้เจ้าตัวชี้แจงเอง ไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาล ทั้งที่เมื่อ 2 เดือนก่อน นายวิษณุยังให้สัมภาษณ์รับรองคุณสมบัติของ ร.อ.ธรรมนัส ว่าไม่ได้ถูกศาลไทยตัดสินจึงไม่ขัดคุณสมบัติ
แต่อีกด้านอาจสะท้อนความไว้วางใจและเชื่อฝีมือ ว่าสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้เอง เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ ร.อ.ธรรมนัส ก็ฝ่าฟันขวากหนามมาแล้วไม่น้อย
หากพิจารณาคุณสมบัติต้องห้ามลงสมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 ข้อ (8) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ และ (10) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดต่อตำแหน่งหน้าที่ จากความผิดหลายข้อ รวมถึงกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด แต่ ร.อ.ธรรมนัส ก็ยังผ่านด่านแรกนี้ ด้วยการลงสมัคร ส.ส.พะเยา ก่อนเข้าสู่สภาได้สำเร็จ พร้อมช่วยพรรคกวาดอีกหลายที่นั่งในภาคเหนือ
และหากพิจารณาคุณสมบัติรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 160 (6) ที่ย้อนไปถึงคุณสมบัติในมาตรา 98 และข้อ (7) ไม่เคยต้องโทษจำคุกเว้นแต่ความผิดโดยประมาท ลหุโทษ หรือหมิ่นประมาท แต่ ร.อ.ธรรมนัส ก็ยังผ่านด่านนี้ได้อีก พร้อมเข้าไปสร้างประวัติศาสตร์ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับยุคที่มีรัฐมนตรีมากถึง 4 คน จาก 4 พรรค
รวมถึงกรณีล่าสุด ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยไปไหน คุยกับใครและทำอะไรด้วยมือเปล่าอย่างที่เข้าใจ
- การ์ดใบแรก ที่เขาเลือกใช้คือยืนยันข้อมูลเดิมที่เคยแถลงไว้ ไม่ได้สารภาพเพื่อขอลดโทษตามกระแสข่าว
- การ์ดใบที่สอง คือข่มขู่จะฟ้องกลับผู้กล่าวหา ฐานทำให้เสียชื่อเสียง
- การ์ดใบที่สาม คือไม่ลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง และเชื่อว่ามีขบวนการล้มล้างเขา ผู้ประกาศตัวเป็น “เส้นเลือดใหญ่” หล่อเลี้ยงรัฐบาล หากกำจัดเขาได้ รัฐบาลนี้ก็จะล่มไปด้วย
ไล่เรียงทั้งประวัติ สายสัมพันธ์ และข้อกฎหมาย สะท้อนว่าเขาไม่ได้ถือ “การ์ด” แค่สามใบ แต่ยังมีและพร้อมหยิบมาใช้กับสถานการณ์เบื้องหน้า ไม่ว่าจะถูกตรวจสอบจากฝ่ายใดหรือกรณีใด
เมื่อ “ธรรมนัส การ์ด” ไม่ได้เป็นแค่ชื่อบริษัท ก็อยู่ที่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้ “การ์ด” ใบไหน ล้มชายผู้เป็น “เส้นเลือดใหญ่” รวมถึง “คนเลี้ยงลิง” นี้ได้
จตุรงค์ แสงโชติกุล ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส