วันนี้ (11 ก.ย.2562) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ยับยั้ง พ.ร.บ.สถาบันครอบครัว ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะสามารถออก พ.ร.ก.ได้หรือไม่ว่า ในฐานะที่อยู่ในรัฐบาลและรัฐบาลเป็นผู้ออก พ.ร.ก.จึงเชื่อว่า สามารถทำได้เมื่อมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน หรือเป็นเรื่องรักษาความสงบปลอดภัยสาธารณะ หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องแล้วแจ้งมารัฐบาลก็ต้องชี้แจงไป รัฐบาลทราบว่าการออก พ.ร.ก.มีหลักเกณฑ์ และได้ออกมาหลายครั้งแล้ว และหากเข้าหลักเกณฑ์ก็ต้องออกเป็น พ.ร.ก.
ทั้งนี้เป็นไปได้ว่าหลายฝ่ายอาจไม่เข้าใจในหลักเกณฑ์ เป็นเหตุให้มีมุมมองต่างกันไป เพราะหลักเกณฑ์เป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย หากจะอธิบายต้องเปิดกฎหมายประกอบ ซึ่งแต่เดิมมีกฎหมายเก่าปี 2550 ที่บัญญัติไว้ว่า การกระทำความรุนแรงในครอบครัวสามารถยอมความได้ ซึ่งอัยการจะเป็นผู้ส่งฟ้อง ส่วนกฎหมายใหม่ที่มาเมื่อปี 2562 บัญญัติไว้ว่าการกระทำความรุนแรงในครอบครัว ไม่สามารถยอมความได้ และจะส่งให้กรมครอบครัวเป็นผู้ฟ้องร้อง และกฎหมายใหม่ประกาศผ่านราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จึงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 กันยายน แต่เมื่อใกล้ถึงวันบังคับใช้กลับไม่พร้อมและขาดความเข้าใจ รวมไปถึงมีการคัดค้านกฎหมายใหม่เกิดขึ้น จึงทำให้ต้องเลื่อนการบังคับใช้ออกไป ซึ่งไม่สามารถออกเป็น พ.ร.บ.ได้ เนื่องจากการบังคับใช้ใกล้จะถึงจึงจำเป็นต้องการออก พ.ร.ก.เพื่อยืดการบังคับใช้กฎหมายเก่าออกไปก่อน
ส่วนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรออกมาคัดค้านการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ นายวิษณุ ยืนยันว่า การออก พ.ร.ก.ถือเป็นทางออก ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้วินิจฉัย โดยหากศาลวินิจฉัยว่ามีเหตุผล เรื่องก็จบ และจะเข้าสู่การโหวตในที่ประชุมสภาต่อไป พร้อมยืนยันว่า กฎหมายปี 2550 ยังคงเดินหน้าบังคับใช้ต่อไป และหากมีการใช้ความรุนแรงในครอบครัวยังคงมีความผิดเช่นเดิม และยังคงสามารถยอมความได้ พร้อมกับมองว่า ความพร้อมไม่พร้อมในการบังคับใช้พ.ร.บ.ฉบับปี 2562 ไม่ใช่ความผิดพลาด
แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่สามารถออก พ.ร.ก.ได้ ก็ถือว่ารัฐบาลทำไม่ถูก เช่นเดียวกับสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็มี พ.ร.ก.ไม่ผ่าน จนนำไปสู่การยุบสภาและลาออก ซึ่งยอมรับว่าเรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
ส่วนจะทันการปิดสมัยประชุมสภาหรือไม่นั้น นายวิษณุ ย้ำว่าไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากกฎหมายปี 2550 ยังคงถูกบังคับใช้ต่อไป และจะไม่มีใครเดือดร้อนอะไร