วันนี้ (25 ก.ย.2562) รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุในจดหมายเปิดผนึกถึงคณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา และผู้ว่าการกรุงเทพมหานครว่า สืบเนื่องจากปัญหามลพิษในอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่รุนแรงขึ้นในช่วงปลายปีก่อนตลอดมาจนถึงต้นปีนี้ แล้วจึงค่อยๆ ดีขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จนเมื่อเริ่มมีมวลอากาศเย็นแผ่มาปกคลุมประเทศไทยในสัปดาห์ก่อน คุณภาพอากาศจึงแย่ลงเร็ว จนเห็นได้จากท้องฟ้ากรุงเทพฯ ที่ขมุกขมัวในวันนี้ และผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากแหล่งต่างๆ
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าเรายังไม่สามารถควบคุมแหล่งการผลิตมลพิษเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรม การคมนาคม การก่อสร้าง และกิจกรรมประจำวันของประชากรกรุงเทพฯ ทำให้เมื่อมีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัญหาพื้นฐานก็จะแสดงออกให้เห็นชัดเจนขึ้น และคาดว่าจะรุนแรงมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้
สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอเรียกร้องให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์นี้แต่เนิ่นๆ เพื่อลดความตื่นตระหนกของสังคมในอนาคต ดังนี้
- ให้ความรู้กับประชาชนเพื่อให้ตระหนักถึงพิษภัยของมลพิษในอากาศ ที่มีผลคุกคามต่อทุกคนโดยเฉพาะเยาวชน สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง
- ให้การศึกษากับประชาชนเพื่อปรับกิจกรรมประจำวัน และการใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองที่ถูกต้องเหมาะสม
- หน่วยงานรัฐจัดหาอุปกรณ์ป้องกันสำหรับประชาชนให้เพียงพอ ทั้งหน้ากากอนามัย หน้ากาก N-95 สำหรับใช้กลางแจ้ง และเครื่องฟอกอากาศหรือแผ่นกรองอากาศ สำหรับใช้ในตัวอาคาร
- ดำเนินการมาตรการสาธารณะโดยเคร่งครัดเมื่อคุณภาพอากาศอยู่ในระดับอันตราย ทั้งการควบคุมปริมาณและคุณภาพยานพาหนะ การจำกัดกระบวนการก่อสร้าง ลดกำลังการผลิตทางอุตสาหกรรม และควบคุมการเผาในที่โล่งแจ้ง รวมถึงการปิดสถานศึกษา
- จัดหาสถานที่สาธารณะในแต่ละชุมชนย่อย เพื่อเป็นที่พักอาศัยของประชากรกลุ่มเสี่ยง เมื่อระดับคุณภาพอากาศอยู่ในระดับอันตรายหรือวิกฤต โดยต้องมีระบบฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพควบคู่กันไป
- โปรดใส่ใจในคุณภาพของอากาศที่ทุกคนต้องใช้ร่วมกัน โดยเฉพาะเยาวชนที่กำลังจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต