วันนี้ (28 ก.ย.2562) กลุ่มพิทักษ์ดุหยง ชาวบ้านเกาะลิบง จ.ตรัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำสื่อมวลชนสำรวจจุดท่องเที่ยวขมพะยูนบนเขาบาตูปูเต๊ะ ซึ่งต้องเดินทางลาดชัน ผ่านป่า และทะลุถ้ำ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ผ่านบันไดที่ทำจากไม้ที่ลาดชันไปยังจุดชมวิว แต่พบว่าสภาพเริ่มทรุดโทรม บางจุดไม้ผุพัง เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายกับนักท่องเทียวได้ ส่วนจุดชมวิวที่มีลักษณะเป็นพื้นไม้สำหรับยืนชมพะยูนก็เริ่มผุพังเช่นกัน
นายสิทธิพร จิเหลา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลิบง จ.ตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ อบต.เกาะลิบง ได้ร่างแผนปรับปรุงจุดชมพะยูนบนเขาบาตูปูเต๊ะ เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังพบว่าเกิดการชำรุดเสียหายจากเดิมที่ถูกใช้งานมานานจนสภาพเสื่อมโทรมและผุพัง โดยเตรียมจะเสนอเรื่องไปที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมูเกาะลิบง หากได้รับอนุญาตจะเสนองบประมาณไปที่ จ.ตรัง เพื่อนำมาปรับปรุงคาดว่าจะใช้งบประมาณ 6 ล้านบาท
เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาชมพะยูนอยู่ได้มากขึ้น เนื่องจากบริเวณนี่จะมีพายุเข้ามาหญ้าทะเลซึ่งเมื่อประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปบนเขาประตูจะสามารถมองเห็นพะยูนมากินหญ้าทะเลหน้าเขาบาตู
เศรษฐกิจซบ นักท่องเที่ยวลดวูบ
ก่อนหน้านี้ในช่วงของมาเรียมยังมีชีวิตมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่เกาะลิบงมากถึงวันละ 200 - 300 คน เศรษฐกิจบูมอย่างครบวงจร ทั้งร้านอาหาร รถบริการนักท่องเที่ยว แต่หลังจากมาเรียมตาย ธุรกิจก็เริ่มซบเซา รถซาเล้งบริการจากวันละ 28 คันเหลือแค่ 2-3 คันต่อวัน
นายกอบต.เกาะลิบง กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ปัญหาขยะพลาสติกหลังจากพบว่า เป็นสาเหตุมาเรียมตาย ชาวบ้านค่อนข้างกังวล เพราะก่อนหน้านี้พะยูนตายหลายตัวไม่เคยเจอขยะพลาสติกในท้อง และจนทำให้ชาวบ้านเป็นจำเลยของสังคมเรื่องการทิ้งขยะ แต่ข้อเท็จจริงที่นี่มีการแยกขยะในบ้าน ริมฝั่ง ร้านอาหาร แต่ขยะจำนวนมาตามกระแสน้ำทำให้ตกค้างในทะเล แม้แต่แปลงหญ้าทะเลทำให้ชาวบ้านที่ออกไปจับปลาหาปูขณะนี้ต้องมีถุง 2 ใบสำหรับเก็บปลา และเก็บขยะ
ทั้งนี้หมู่เกาะลิบง ถือเป็นแหล่งพะยูนฝูงใหญ่กว่า 150 ตัวและมีแหล่งหญ้าทะเลกว่า 12,000 ไร่ ที่เป็นอาหารของพะยูน ซึ่งล่าสุดทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งนำเสนอแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติให้กับคณะกรรมการนโยบายทรัพยากรทางทะเลที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแล้ว