ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (1 ต.ค.2562 ) รัฐบาลจะเริ่มโอนเงินส่วนต่างในโครงการประกันรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มเป็นงวดแรกให้กับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มกว่า 200,000 ครัวเรือน หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเพื่อให้การปฎิบัติงานเป็นอย่างราบรื่น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมชี้แจงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและชาวสวนปาล์มน้ำมัน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยมี 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง
นายจุรินทร์ ระบุว่า มีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ในฐานะคณะอนุกรรมการติดตามพืชผลทางการเกษตรระดับจังหวัด เพื่อให้การดำเนินนโยบายเป็นไปอย่างราบรื่น
ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะเริ่มโอนเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มเป็นสินค้าแรก มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการตรวจสอบที่จะได้รับเงินส่วนต่างงวดแรก 260,000 ครัวเรือน ซึ่ง ธ.ก.ส.ยืนยันพร้อมจ่ายเงิน
สำหรับการประกันรายได้ปาล์ม กำหนดให้จ่ายเงินทุก 45 วัน หรือ 8 ครั้งตลอดรอบการผลิตปี 2562/2563 ซึ่งรัฐบาลรับประกันปาล์มเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ 18 เปอร์เซ็นต์ ที่กิโลกรัมละ 4 บาทครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ เช่น หากราคาตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 2.68 บาทเกษตรกรจะได้ส่วนต่าง 1.32 บาทต่อกิโลกรัม หากปลูก 25 ไร่จะได้ส่วนต่างประมาณ 12,000 บาท
ส่วนข้าวจะมีการโอนเงินส่วนต่างในวันที่ 15 ต.ค.นี้ โดยขอให้เกษตรกรรีบไปขึ้นทะเบียนตรวจสอบสิทธิ ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ และเปิดบัญชีกับ ธ.ก.ส.เพื่อใช้สิทธิรับเงินประกันรายได้งวดต่อไป โดยข้าวเปลือกหอมมะลิรับประกันที่ตันละ 15,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน, ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตันข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
ส่วนยางพารา จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายธรรมชาติในวันที่ 4 ต.ค.นี้ เพื่อเคาะมาตรการประกันรายได้ปาล์ม ขณะที่มันสำปะหลังและข้าวโพดจะทยอยดำเนินการต่อไป ซึ่งนอกจากมาตรการประกันรายได้แล้ว รัฐบาลจะเร่งรัดการส่งออกสินค้าเกษตรด้วย เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมันและสินค้าอื่นๆ โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลสินค้าเกษตรทุกชนิดแต่จะใช้วิธีที่เหมาะสมและจะไม่เข้าไปแทรกแทรงราคา