วันนี้ (29 ต.ค. 2562) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชมการสาธิตแผนการปฎิบัติการดูแลรักษาความปลอดภัย VIP หรือผู้นำแต่ละประเทศที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี ก่อนวันเริ่มประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในวันที่ 31 ต.ค. - 4 พ.ย.นี้
หลังชมการสาธิตแผนการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยที่เป็นไปด้วยความพร้อมเพรียง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยความเชื่อมั่นว่า เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติภารกิจสำคัญยิ่งและเป็นหน้าเป็นตาของประเทศครั้งนี้ ให้ผ่านสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยย้ำต่อกำลังพลให้แสดงศักยภาพอย่างเต็มความสามารถกอบกู้หน้าตาของประเทศ หลังไทยเคยมีบทเรียนการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเมื่อปี 2552
สำหรับแผนการรักษาความปลอดภัย VIP มี 4 ระดับ เริ่มจากการรักษาความปลอดภัยภาวะปกติ โดยตำรวจสันติบาลดูแลผู้นำตั้งแต่ออกจากที่พัก จนกระทั่งส่งไปยังที่ประชุมและรับจากที่ประชุมกลับที่พัก, การรักษาความปลอดภัยกรณีมีสิ่งบอกเหตุ มีแนวโน้มว่าจะเกิดภัยคุกคาม โดยตำรวจสันติบาลและอรินทราช 26
การสกัดกั้นและจับกุมผู้ก่อเหตุ, วัตถุต้องสงสัย โดยนเรศวร 261และนครบาล ระดับสุดท้ายช่วยเหลือบุคคลสำคัญออกจากพื้นที่การประชุมโดยศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ศตก.) ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจตลอดการประชุม จำนวนกว่า 17,000 นาย ปฏิบัติภารกิจในสถานที่ประชุมและพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เป็นสถานที่พัก
โดยจัดแบ่งพื้นที่เป็น 3 วงรอบ ตั้งแต่พื้นที่ไข่แดง ไข่ขาว และขอบกระทะ มีกำลังเฉพาะพื้นที่การประชุม จำนวน 2,669 นาย ปฏิบัติหน้าที่จุดตรวจสายตรวจรถยนต์ ประจำจุด และจุดสูงข่ม นอกจากนี้ยังติดตั้งกล้องซีซีทีวี เพื่อจดจำใบหน้าและทะเบียนรถ
และหากมีเหตุที่อาจเป็นภัยต่อผู้ร่วมประชุมก็พร้อมจัดโซนพื้นที่ปลอดภัยไว้แล้ว ขณะเดียวกันหากมีเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต้องยกระดับเป็นก่อการร้าย ได้เตรียมพร้อมแผนรองรับ โดยมีหน่วยสันติบาล อินทราช นเรศวร และ ศตก.
นอกจากนี้ นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ชี้แจงเหตุจำเป็นในการจับสุนัขจรจัดไปพักในสถานที่พักชั่วคราวระหว่างการประชุมครั้งนี้ เพื่อเป็นไปตามแผนการรักษาความปลอดภัย เพราะกังวลจะส่งผลกระทบต่อการจราจร โดยเฉพาะขบวนรถผู้นำแต่ละประเทศที่จะเดินทางเข้ามาร่วมประชุม และย้ำว่าการดำเนินการจับสุนัขนั้นเป็นไปด้วยความนิ่มนวลและไม่มีสุนัขตายหรือบาดเจ็บ
พล.ต.อ.สุวัตน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า กำลังพลที่ใช้ในการดูแลรักษาความปลอดภัยทุกส่วนกว่า 17,000 นาย ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.นนทบุรี มีความพร้อมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนเรื่องการข่าว ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายความมั่นคง ได้ติดตามด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด ยืนยันการข่าวไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เเต่ก็มีการจับตาบางกลุ่มที่มีการขึ้นบัญชีไว้
ส่วนกรณีที่จะมีกลุ่มผู้ชุมนุม หรือกลุ่มยื่นหนังสือร้องเรียนในช่วงระหว่างการประชุมนั้น กล่าวว่า ได้มีมาตรการรองรับไว้แล้วเช่นกัน โดยการดำเนินการจะคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและหลักสากลเป็นสำคัญ
ส่วนเรื่องการจราจร ยืนยันว่าจะมีการปิดเส้นทางทั้งทางด่วนและทางราบ เฉพาะช่วงที่ขบวนผู้นำผ่าน ซึ่งประชาชนสามารถสอบถามเส้นทางต่างๆ ได้ที่กองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ส่วนในพื้นที่เมืองทองธานี แม้จะเป็นพื้นที่ควบคุมแต่ในแต่ละจุดจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยให้คำแนะนำ