เร่งช่วยเหลือสุนัขบาดเจ็บ
จากสุนัขประมาณ 2,000 ตัว ที่ตำรวจสามารถตรวจยึดได้ ขณะจับกุมรถบรรทุกสุนัข ที่กำลังส่งสุนัขเหล่านี้ไปขายในประเทศเวียดนาม โดยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ และสัตวแพทย์ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะมีรายงานว่าสุนัขบางส่วนทยอยตายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความแออัด และความอดอยากขณะที่คนร้ายทำการขนย้าย ทำให้ในปัจจุบันเหลือสุนัขอยู่ประมาณ 1,000 ตัวเท่านั้น และมีรายงานด้วยว่า สุนัขบางส่วนถูกปล่อยทิ้งในป่าข้างทางขณะที่คนร้ายถูกตำรวจติดตามจับกุม
ส่วนอาหารและเงินช่วยเหลือนั้น หลังจากจังหวัดนครพนมได้เปิดรับบริจาค ก็มีผู้ใจบุญจำนวนมากให้การช่วยเหลือ ซึ่งคาดว่า น่าจะสามารถดูแลสุนัขเหล่านี้ไปได้ระยะหนึ่ง ขณะที่เจ้าของสุนัขหลายคนที่พบสุนัขของตัวเองที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม ขณะนี้ยังไม่สามารถนำสุนัขกลับไปได้ ทำได้เพียงลงชื่อยืนยันการเป็นเจ้าของไว้ เนื่องจากสุนัขเหล่านี้ ถือเป็นหลักฐานทางคดี ซึ่งต้องรอให้ศาลพิจารณาคดีแล้วเสร็จก่อน เบื้องต้นศาลนัดตัดสินคดีในวันที่ 26 กันยายน
มีข้อมูลว่าธุรกิจค้าสุนัขจะใช้เส้นทางจังหวัดนครพนมเป็นทางผ่านส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม ปัจจุบันมีแหล่งพักสุนัข 2 จุด คืออำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม และตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
สำหรับความต้องการสุนัขในการส่งออกไปขายที่ประเทศเวียดนาม นายโรเจอร์ โลหะนันท์เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ค้าสุนัขต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ สุนัขตามจำนวนที่ลูกค้าระบุ โดยในอดีตจะมีการนำสินค้าต่างๆ ไปแลกกับสุนัขตามชนบท แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปกระแสการต่อต้านการค้าเนื้อสุนัขที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ค้าต้องรับซื้อสุนัขเอง แต่ไม่คุ้มทุนการขโมยสุนัขจึงเกิดขึ้น ซึ่งการจับกุมครั้งล่าสุดพบว่า สุนัขหลายตัวมีปลอกคอ และเชื่องจึงเชื่อว่าอาจเป็นสุนัขมีเจ้าของที่ถูกขโมยมา
ปัจจุบัน การค้าสุนัขที่มีบทลงโทษไม่รุนแรง เพราะมีกฎกระทรวงกำหนดการควบคุมและค้าสัตว์ปี พ.ศ. 2546 คุ้มครองการค้าสุนัขจึงเหมือนการค้าเนื้อสัตว์ทั่วไปเช่น สุกร แมว และวัว แต่สุนัขซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ทำให้กลุ่มคนรักสุนัขต่อต้าน และเสนอให้ผลักดันกฎกมายการมีสัตว์เลี้ยงและเพิ่มบทลงโทษให้รุนแรง
สำหรับกฎหมายที่หน่วยงานด้านพิทักษ์สิทธิสัตว์ร่วมกับกรมปศุสัตว์และสภาทนายความ ผลักดันมาโดยตลอด คือ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณสัตว์ และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งจะมีบทลงโทษผู้กระทำความผิดที่รุนแรงมากขึ้น และสามารถเพิ่มบทลงโทษได้ ในขั้นตอนการแปรญัตติของสภา
ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ สภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนได้บรรจุเป็นวาระเร่งด่วน แต่ไม่สามารถพิจารณาได้ทัน เนื่องจากยุบสภาไปก่อน ซึ่งหากจะให้มีการพิจารณาอีกครั้ง ตามรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ว่าต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ และส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาภายใน 60 วัน หลังเปิดประชุมสภา ร่างดังกล่าวจึงจะไม่ตกไป ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น่าจะให้ความสำคัญกับร่างฉบับนี้มากขึ้น