วันนี้ (16 พ.ย.2562) ร้านเคมีเกษตรในจังหวัดจันทบุรี เร่งระบายสารเคมี 3 ชนิด ก่อนที่มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธ.ค.62 ตัวแทนจำหน่ายสารเคมีเกษตรบางแห่ง ระบุว่าจากการติดตามการจำหน่ายสารเคมี 3 ชนิด พบว่าแม้ร้านจะพยายามระบายสต็อก แต่ก็ทำได้ช้าเพราะเกษตรไม่กล้าซื้อ ซึ่งบริษัทได้แนะนำสารตัวใหม่ให้กับเกษตรที่กำลังจะถูกแบน แต่ไม่ได้รับความสนใจ
น.ส.อรุณฉาย บองเพชร ตัวแทนจำหน่ายสารเคมีเกษตร กล่าวว่า เป็นพนักงานขายสารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอไพรีฟอส มาหลายปี แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายแบน 3 สาร บริษัทพยามปรับตัวหาสารเคมีตัวใหม่มาทดแทน ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพาราควอตและไกลโฟเซต แต่เกษตรกรไม่ใช้ เพราะแพงกว่าเดิม 2-3 เท่าตัว ต้องใช้มากแต่ประสิทธิภาพน้อย จึงกังวลว่าหากไม่สามารถขายสารตัวใหม่ได้ ก็อาจจะตกงาน
รายได้หลัก มาจากค่าคอมมิชชัน ที่ได้จากยอดขาย
ตัวแทนจำหน่ายเคมีเกษตร ให้ข้อมูลว่าจากการลงพื้นที่ติดตามการจำหน่ายสารเคมีของร้านค้าต่างๆ ทั้งภาคกลาง ภาคตะวันออก พบว่าขณะนี้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด ระบายได้ยาก เพราะเกษตรกรกังวลว่าซื้อไปแล้วหากใช้ไม่หมดจะมีความผิดและมีโทษรุนแรง โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี หรือปรับ 1 ล้านบาท จึงเสนอให้ใช้มาตรการจำกัดการใช้ไปก่อน เพื่อให้ร้านค้ามีเวลาระบายสต็อก และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ถึงสารทดแทนเพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นใจในสารตัวใหม่
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ผู้ประกอบการรวมไปถึงตัวแทนจำหน่ายสารเคมีเกษตร จะต้องปรับตัวกับนโยบายการแบน 3 สาร โดยรัฐไม่มีนโยบายนำเข้าสารตัวใหม่ เพราะที่ผ่านมาไทยนำเข้าสารเคมีหลายชนิดและมากพอแล้ว และสารบางตัวยังสามารถทดแทนได้ รวมไปถึงยังมีสารชีวภัณฑ์ที่เกษตรกรสามารถใช้เป็นทางเลือกได้ ซึ่งเกษตรกรก็จะต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“อลงกรณ์” เร่งทุกฝ่ายหาสารชีวภัณฑ์ทดแทนสารเคมีช่วยเกษตรกร
"อัฐยายซื้อขนมยาย" กำจัดสารเคมีพันล้าน!